Category Archives: บทความที่เกี่ยวข้อง

รับมืออย่างไร? เมื่อพ่อแม่เข้าสู่ “วัยทอง” 👩‍🦳👨‍🦳

การดูแลพ่อแม่ที่อยู่ในช่วงวัยทองถือเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างมากสำหรับลูก ๆ เป็นช่วงที่พ่อแม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งอาจทำให้พวกท่านมีอารมณ์แปรปรวน หรือรู้สึกเครียดบ่อยขึ้น ในฐานะลูกจะรับมืออย่างไรกับอาการเหล่านี้ วันนี้เรามีมาฝากกันค่ะ 1. เข้าใจและรับฟัง ลองทำความเข้าใจว่าสิ่งที่พวกท่านเผชิญอยู่อาจไม่ง่าย เช่น อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ความรู้สึกหงุดหงิด หรือความกังวลใจที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและจิตใจ ใช้เวลาในการรับฟังและให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกท่านพูด การรับฟังอย่างตั้งใจจะช่วยลดความขัดแย้งและทำให้พวกท่านรู้สึกว่าเราห่วงใย 2. อย่าตอบโต้ด้วยอารมณ์ เมื่อพ่อแม่อารมณ์เสียหรือแสดงอาการหงุดหงิด อย่าโต้เถียงด้วยอารมณ์ ควรอดทนและรอให้พวกท่านใจเย็นก่อน แล้วค่อยกลับมาพูดคุยอย่างมีเหตุผล และควบคุมอารมณ์ของตนเอง พยายามทำให้บรรยากาศรอบตัวสงบลง 3. สร้างบรรยากาศเชิงบวก ชวนพ่อแม่ทำกิจกรรมที่สร้างความสุข เช่น การเดินเล่น อ่านหนังสือ พาไปพบปะผู้คน หรือกิจกรรมที่พวกท่านสนใจ ซึ่งอาจช่วยให้พวกท่านผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น 4. ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของพวกท่าน ส่งเสริมให้พวกท่านดูแลสุขภาพ เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนเพียงพอ สุขภาพที่ดีจะช่วยลดอาการทางอารมณ์และความเครียด หากมีอาการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้าหรือวิตกกังวล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำ แนะนำให้พาท่านไปตรวจฮอร์โมนเพื่อประเมินระดับฮอร์โมนในร่างกาย การปรับสมดุลฮอร์โมนเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยจัดการกับอาการของวัยทองได้ดีขึ้น 5. พูดคุยอย่างอ่อนโยน ลองพูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแสดงความเคารพ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยในบางเรื่อง แต่การใช้คำพูดที่ให้เกียรติจะช่วยให้การสื่อสารราบรื่นและลดความตึงเครียดลงได้ 6. หากิจกรรมผ่อนคลายสำหรับตนเอง […]

ผอมใครว่าไม่เสี่ยงป่วย ❓ สารพัดโรคร้าย ที่คนผอมก็เสี่ยงเป็นได้ ‼️

หลายคนคงทราบกันดีว่า “ความอ้วน” นั้นเป็นปัจจัยให้ก่อเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ แต่จริงๆ แล้ว คนที่ผอมเกินไปหรือมีน้ำหนักน้อยเกินเกณฑ์ เมื่อไปตรวจสุขภาพก็อาจพบว่าตนเองมีค่าไขมันในเลือดหรือความดันโลหิตสูงได้เช่นกัน โดยโรคที่คนผอมมักเสี่ยงเป็นโดยไม่รู้ตัวมีดังต่อไปนี้ค่ะ ไขมันในเลือดสูง แม้ว่าโรคไขมันในเลือดสูงจะพบบ่อยในคนที่มีน้ำหนักเกิน แต่คนผอมก็มีปัจจัยเสี่ยงเช่นกันค่ะ เพราะไขมันในร่างกายนั้นประกอบด้วยไขมันในหลอดเลือด ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง คนผอมที่กินอย่างไรก็ไม่อ้วนเนื่องด้วยปัจจัยทางพันธุกรรม แต่จริงๆ แล้วร่างกายยังสามารถสะสมไขมันไว้ในกระแสเลือดได้ ซึ่งหากปล่อยไว้ก็อาจเสี่ยงภาวะหลอดเลือดแข็ง ตีบ และอุดตัน เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง รวมถึงโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ค่ะ ความดันโลหิตสูง หลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่าความดันโลหิตสูงนั้นเกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วคนอ้วนหรือผอมก็สามารถตรวจพบว่าเป็นความดันโลหิตสูงได้ค่ะ โดยปัจจัยเสี่ยงนั้นอาจมาจากอายุ (40-50 ปีขึ้นไป) เพศหญิงในวัยหมดประจำเดือน ความเครียดและวิตกกังวล หรือมาจากพันธุกรรมได้ถึง 30-40% ในระยะแรกมักไม่มีอาการผิดปกติ แต่พบโดยการตรวจสุขภาพประจำปี หรือมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาภายหลัง โรคไทรอยด์ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยอาจเกิดจากภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ (Hyperthyroid) หรือเรียกว่าภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติ เนื่องจากต่อมไทรอยด์มีหน้าที่ผลิตและหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย ระดับอุณหภูมิของร่างกาย และระดับไขมันในเลือด โดยผู้ป่วยจะมีอาการใจสั่น มือสั่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด หากไม่รับการรักษาอย่างถูกต้องก็อาจเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคทางกระดูกได้ค่ะ โรคกระดูกพรุน […]

ผิวพรรณผ่องใส แก่ช้าลงได้ ด้วย ‘โปรไบโอติก’

คนเราหากได้ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และมีระบบลำไส้ที่แข็งแรง ขับถ่ายได้สะดวก ไม่มีปัญหาท้องผูก ท้องเสีย ท้องเดิน หรือท้องอืด ก็มักจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและผิวพรรณที่ผ่องใสตามไปด้วยค่ะ ดังนั้น สิ่งที่กินแล้วดีต่อลำไส้ก็จะส่งผลดีกับสุขภาพร่างกายและผิวพรรณไปด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ “โปรไบโอติก” นั่นเองค่ะ “โปรไบโอติก” คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและมีความสำคัญอย่างมากในระบบนิเวศของลำไส้ เพราะหากร่างกายของเราขาดจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้ ก็จะเสี่ยงต่อการอักเสบเรื้อรังในทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความเสื่อมถอยในร่างกายและทำให้คนเราแก่ชราลงได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่า ยาที่ใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น สเตียรอยด์ NSAID ยาปฏิชีวนะ การทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ รวมไปถึงความเครียดในชีวิตประจำวัน ก็ล้วนทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ บางคนอาจไม่แสดงอาการรุนแรงชัดเจนแต่ก็ทำให้เกิดการเร่งความเสื่อมของร่างกายอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีการวิจัยพบว่า การทานโปรไบโอติกเสริมอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ร่างกายสามารถต่อต้านการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ได้ ส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นและช่วยชะลอวัยได้ โดยโปรไบโอติกนั้นจะพบมากในผลิตภัณฑ์อาหารหมัก เช่น นมเปรี้ยว แหนม กิมจิ ซึ่งเป็นสารอาหารธรรมชาติ จึงไม่มีผลข้างเคียงหรือเกิดผลเสียต่อร่างกาย การทานโปรไบโอติกส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพลำไส้ โดยในผู้ที่มีอาการท้องผูก ท้องเสีย ท้องเดิน หรือท้องอืด ก็จะมีอาการที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว มีฤทธิ์ในการเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ทำให้อาการโรคภูมิแพ้ต่างๆ ดีขึ้น ลดการอักเสบที่ทำลายผิว จึงส่งผลให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง […]

5 ความเชื่อผิดๆ ที่อาจทำให้หลับยากกว่าเดิม

ในบางครั้งเมื่อเกิดอาการนอนไม่หลับขึ้นมา หลายๆ คนคงหาสารพัดวิธีที่จะช่วยให้นอนหลับได้เร็วขึ้น เช่น นอนนับแกะ ดื่มแอลกอฮอล์ ฝืนนอนให้หลับ ออกกำลังกายก่อนนอน หรือทานอาหารจนอิ่มท้อง แต่จริงๆ แล้ววิธีเหล่านี้อาจทำให้นอนหลับยากกว่าเดิม หรือทำให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายได้อีกด้วยค่ะ 1. ดื่มแอลกอฮอล์ให้กรึ่มๆ แล้วจะหลับดีขึ้น หลายคนคงทราบกันดีว่าแอลกอฮอล์นั้นมีฤทธิ์กล่อมประสาท จึงดื่มเพื่อให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันอาจทำให้ประสิทธิภาพการนอนแย่ลงได้ค่ะ เนื่องจากแอลกอฮอล์นั้น จะเข้าไปรบกวนระบบประสาทอัตโนมัติในร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการนอนหลับไม่สนิท หลับๆ ตื่นๆ ตื่นกลางดึก ฝันร้าย และกระสับกระส่ายไปตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังส่งผลให้ช่วงเวลาหลับลึก (REM sleep) ของเราลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของสมองในการเรียนรู้และความทรงจำในระยะยาวได้ค่ะ 2. นอนนับแกะไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับ เป็นวิธีที่หลายคนอาจเคยได้ยินกันบ่อยๆ ในสื่อบันเทิงต่างๆ แต่จริงๆ แล้วในทางการแพทย์ การนับแกะนั้นไม่ได้ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นแต่อย่างใดค่ะ แต่กลับส่งผลตรงข้ามด้วยซ้ำ คือทำให้หลับได้ยากขึ้นไปอีก เพราะการนับแกะทำให้เราจดจ่ออยู่กับการนับ ซึ่งทำให้สมองต้องทำงานและสั่งการอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดพัก เทียบเท่าได้กับการมีเรื่องคิดวนเวียนอยู่ในหัวจนทำให้หลับได้ยากขึ้นนั่นเองค่ะ 3. ข่มตานอนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลับไปเอง หากใครที่เกิดอาการนอนไม่หลับ หรือตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้เกินกว่า 30 นาทีขึ้นไป […]

ชะลอความชราด้วย Resveratrol สารสกัดจากองุ่น

คงไม่มีใครอยากแก่ เพราะเมื่อใดที่แก่ตัวลงนอกจากผิวพรรณจะเหี่ยวห่น ไม่เต่งตึงแล้ว ความแก่ชรายังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนอาจเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ การชะลอความชราทำได้หลายแบบทั้งการดูแลไลฟ์สไตล์ให้ดี นอนให้ดี กินอาหารที่ดี ดูแลฮอร์โมนให้ดี แต่ปัจจุบันนี้มีตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การชะลอความชราด้วยสาร Resveratrol ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของยีน Sirtuins ที่เป็นยีนควบคุมความแก่และป้องกันโรคภัย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แล้วยังช่วยดูแลหัวใจ ป้องกันมะเร็งได้ สารนี้มักพบในองุ่นแดง ไวน์แดง บลูเบอร์รี แครนเบอร์รี ซึ่งบางคนอยากเสริมสาร Resveratrol แต่ไม่สะดวกรับประทานแบบอาหารก็อาจเสริมเป็นตัว N.M.N. ได้ ซึ่งจะมีส่วนประกอบของสาร Resveratrol อยู่ แล้วตัว N.M.N. เมื่อรับประทานไปแล้วจะเปลี่ยนเป็น NAD ที่จะไปช่วยเปิดยีน Sirtuins ช่วยชะลอวัยและทำให้เซลล์ทำงานดีขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus […]

 ระวัง! หน้าแก่ก่อนวัย  หากทานหวานมากเกินไป 

 เมื่อเราทานของหวานในปริมาณมาก น้ำตาลจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้โมเลกุลของน้ำตาลไปเกาะติดกับโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนก่อให้เกิดสาร AGEs (สารเร่งแก่)  เมื่อสาร AGEs ผ่านเข้าสู่เซลล์ต่างๆ … จะทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และเกิดภาวะแก่ก่อนวัย ใครไม่อยากแก่ก่อนวัยก็ควรลด ละ เลิกการทานของหวานและเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ไม่ว่าจะ…  ไอศกรีม ชานมไข่มุก ขนมปัง เค้ก คุกกี้ ควรจำกัดการบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน ในคนที่ชอบทานของหวานควรมีวิตามิน B100 เป็นคู่หูติดกายไว้ก็เป็นตัวช่วยที่ดี เพราะ… ช่วยป้องกันการเสื่อมของหลอดเลือดที่เกิดจากน้ำตาล ทั้งยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและสมองได้  น้ำตาล คือ ยาพิษ ยิ่งทานน้อย ยิ่งดี  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus Clinichttps://hfocusclinic.com/ทำไมต้องเรา/

วิตามิน E ตัวช่วยเด็ดดูแลผิวพรรณ ต้านไขมันพอกตับ 

วิตามิน E ถือเป็นวิตามินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวิตามินชะลอความแก่  เนื่องด้วยมีคุณสมบัติในการทำงานที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง จึงช่วยยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายไม่ให้แก่ก่อนวัยหรือถูกทำลายได้  จึงช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่น ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดคอเลสเตอรอล วิตามิน E ยังเป็นตัวสำคัญที่ช่วยป้องกันไขมันพอกตับ ช่วยป้องกันตับแข็ง ป้องกันเซลล์ตับไม่ให้เกิดการอักเสบอีกด้วย มักพบวิตามิน E ในน้ำมันมะกอก อัลมอนด์ อะโวคาโด กล้วย ผักโขม บรอกโคลี จึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามิน E เป็นประจำเพื่อร่างกายที่แข็งแรง เสริมวิตามิน E แบบอาหารเสริมในรูปแบบวิตามิน E (Tocopherol) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นและช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus Clinichttps://hfocusclinic.com/ทำไมต้องเรา/

 จริงหรือ? กินผักช่วยต้านมะเร็งได้ถึง 30-50%   

การรับประทานผักเพื่อป้องกันโรคมะเร็งเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพ ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก มีการชี้แจงว่าพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ดี รวมถึงการรับประทานอาหารที่สมดุล เช่น การมีส่วนผสมของผักและผลไม้ในอาหารประจำวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ถึง 30-50% เลยทีเดียว! ผัก : โลกแห่งวิตามินและเกลือแร่ ผักนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับการรักษาสมดุลของร่างกาย นอกจากนี้ ผักยังมีกากใยที่ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดของเสียในลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่  สารต้านอนุมูลอิสระในผัก ผักหลากหลายชนิดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะสาร Polyphenol ที่พบในผักสีต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี คะน้า มะเขือเทศ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้จากการทดลองในห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลอง  กินอาหารอย่างสมดุลเป็นกุญแจสำคัญ การรับประทานอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีผักผลไม้เป็นส่วนประกอบในมื้ออาหาร จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และมะเร็งนรีเวชได้ค่ะ  วิจัยเกี่ยวกับการกินผักและมะเร็ง ถึงแม้การกินผักจะเป็นวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงของมะเร็ง แต่มะเร็งเป็นโรคที่มีความซับซ้อน และไม่สามารถใช้การกินผักชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียวในการป้องกันได้ เราจึงควรกินผักให้หลากหลายชนิด โดยมีการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่รับประทานผักเป็นประจำมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่รับประทานผัก นี่เป็นเหตุผลที่เราควรใส่ใจในการรับประทานผักเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองค่ะ  โดยสรุป การกินผักเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ โดยควรผักให้หลากหลายชนิด และมีปริมาณเพียงพอในทุกๆ วัน หรือคือให้ได้ประมาณ 50% ของมื้ออาหาร จะเป็นส่วนสำคัญที่สามารถช่วยป้องกันไม่เพียงแต่โรคมะเร็งแต่ยังรวมถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ค่ะ วันนี้คุณกินผักเพียงพอแล้วหรือยังคะ? […]

เคล็ดลับการควบคุมน้ำตาลในเลือด 

ภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูงนั้นอย่างที่ทราบกันว่าโดยมากมักเกิดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้นก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะนี้ได้เช่นกันซึ่งจะนำพาทำให้เราเป็นโรคเบาหวานได้ต่อไปนั่นเองค่ะ แล้วเราจะสามารถหลีกเลี่ยงหรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ไปไกลได้อย่างไร มาดูกันดีกว่า น้ำตาลในเลือด เมื่อเราพูดถึง ‘น้ำตาลในเลือด’ เรากำลังพูดถึงระดับความเข้มข้นของน้ำตาลกลูโคสในเลือดค่ะ ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์ในร่างกาย โดยปกติร่างกายของเรานั้นจะมีการควบคุมระดับน้ำตาลให้สมดุลอยู่เสมอ ระดับน้ำตาลในเลือดที่ปกติคือประมาณ  90-110 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก่อนอาหารเช้า ต่ำกว่า 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังอาหาร นอกจากนั้นค่าน้ำตาลในเลือดสะสม (HbA1c) ควรน้อยกว่า 6.5% เพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดค่ะ น้ำตาลในเลือดควบคุมอย่างไรดี มีเคล็ดลับ อาหาร เริ่มด้วยปัจจัยที่เราควบคุมได้อย่างแรกค่ะ อาหาร คาร์โบไฮเดรตที่ถูกต้อง โดยปกติเมื่อคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยจะได้เป็นน้ำตาลกลูโคสค่ะ ดังนั้นเราต้องเลือกชนิดคาร์โบไฮเดรตที่จะทานให้เหมาะสม ต้องลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวแต่เลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนแทนค่ะ ซึ่งคือคาร์โบไฮเดรตที่อุดมไปด้วยใยอาหาร เช่น แป้งหรือข้าวที่ไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก นอกจากนั้นเราต้องพยายามจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแต่ละมื้อไม่ให้มากเกินไปด้วยค่ะ   แบ่งมื้อเล็ก การแบ่งทานเป็นมื้อเล็กหลายๆมื้อ แทนที่จะเป็นมื้อใหญ่มื้อเดียว สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลสู่ร่างกายเราได้ค่ะ น้ำเปล่าต้องเพียงพอ ทั้งนี้โดยปกติหากร่างกายเราขาดน้ำจะส่งผลทำให้เลือดข้นและระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ เราจึงควรดื่มน้ำเปล่าให้มากเพียงพอ ประมาณ 8 แก้วต่อวัน นอกจากนั้นยังเป็นการบังคับตัวเองทางอ้อมไม่ให้ไปดื่มน้ำหวานอีกด้วย ระวังน้ำตาล โดยเฉพาะในเครื่องดื่ม ควบคุมตัวเอง ไม่ทานขนมหรืออะไรก็ตามที่มีน้ำตาลสูงช่วยได้แน่ค่ะ […]

7 อาการเตือน น้ำตาลในเลือดสูงมาก 

ทุกวันนี้อาหารหลายชนิดที่เราบริโภคอยู่เป็นประจำมักมีน้ำตาลซ่อนอยู่ ซึ่งหากรับประทานเข้าไปเกินความจำเป็น ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นประจำ จนอาจเกิดภาวะดื้ออินซูลินและเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ตามมาได้ในที่สุด วันนี้เรามาดูสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกว่าคุณอาจกำลังมีค่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานและเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานค่ะ: 1. ปัสสาวะบ่อย ทั้งกลางวันและกลางคืน: นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนแรกๆ ที่ชัดเจนที่สุดค่ะ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะพยายามขจัดน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ทำให้คุณต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน เนื่องจากร่างกายพยายามขจัดน้ำตาลออกจากเลือดผ่านการปัสสาวะนั่นเอง 2. กระหายน้ำมากขึ้นผิดปกติ: เป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากข้อแรก เนื่องจากเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมากๆ จากการปัสสาวะ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณเตือนว่าต้องการน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปด้วยการทำให้คุณรู้สึกกระหายน้ำเป็นอย่างมาก 3. รู้สึกอ่อนเพลียและน้ำหนักลดลง: ปกติแล้วร่างกายของเราใช้น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานหลัก แต่เมื่อมีน้ำตาลในเลือดมากเกินไปเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ร่างกายก็จะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นแหล่งพลังงานได้ จะทำให้ร่างกายเริ่มเบิร์นไขมันและกล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นพลังงานแทน ซึ่งก็จะนำไปสู่ความรู้สึกอ่อนเพลียอย่างต่อเนื่อง และน้ำหนักลดลงโดยไม่มีสาเหตุ 4. ตาพร่ามัว มองเห็นภาพไม่ชัด: น้ำตาลในเลือดสูงสามารถทำให้เลือดไหลเวียนไปยังดวงตาไม่สะดวก และอาจเกิดความเสียหายต่อเส้นเลือดในดวงตา ส่งผลทำให้เกิดอาการตาพร่า เห็นภาพไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อนได้ 5. หิวบ่อย กินเก่งขึ้นกว่าเดิม: แม้ว่าคุณจะรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลเหล่านั้นได้เป็นปกติ จึงส่งผลทำให้เกิดความรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลาและร่างกายต้องการรับประทานอาหารมากขึ้นเพื่อหาแหล่งพลังงาน 6. คันตามตัว ผิวติดเชื้อได้ง่าย: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราหรือตกขาวเยอะผิดปกติ 7. เท้าชาเนื่องจากปลายประสาทเสื่อม: เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงทั่วร่างกายเสื่อมลง ก่อให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาท […]