คงไม่มีใครอยากแก่ เพราะเมื่อใดที่แก่ตัวลงนอกจากผิวพรรณจะเหี่ยวห่น ไม่เต่งตึงแล้ว ความแก่ชรายังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนอาจเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ การชะลอความชราทำได้หลายแบบทั้งการดูแลไลฟ์สไตล์ให้ดี นอนให้ดี กินอาหารที่ดี ดูแลฮอร์โมนให้ดี แต่ปัจจุบันนี้มีตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การชะลอความชราด้วยสาร Resveratrol ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของยีน Sirtuins ที่เป็นยีนควบคุมความแก่และป้องกันโรคภัย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แล้วยังช่วยดูแลหัวใจ ป้องกันมะเร็งได้ สารนี้มักพบในองุ่นแดง ไวน์แดง บลูเบอร์รี แครนเบอร์รี ซึ่งบางคนอยากเสริมสาร Resveratrol แต่ไม่สะดวกรับประทานแบบอาหารก็อาจเสริมเป็นตัว N.M.N. ได้ ซึ่งจะมีส่วนประกอบของสาร Resveratrol อยู่ แล้วตัว N.M.N. เมื่อรับประทานไปแล้วจะเปลี่ยนเป็น NAD ที่จะไปช่วยเปิดยีน Sirtuins ช่วยชะลอวัยและทำให้เซลล์ทำงานดีขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus […]
Author Archives: admin
เมื่อเราทานของหวานในปริมาณมาก น้ำตาลจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้โมเลกุลของน้ำตาลไปเกาะติดกับโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนก่อให้เกิดสาร AGEs (สารเร่งแก่) เมื่อสาร AGEs ผ่านเข้าสู่เซลล์ต่างๆ … จะทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และเกิดภาวะแก่ก่อนวัย ใครไม่อยากแก่ก่อนวัยก็ควรลด ละ เลิกการทานของหวานและเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ไม่ว่าจะ… ไอศกรีม ชานมไข่มุก ขนมปัง เค้ก คุกกี้ ควรจำกัดการบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน ในคนที่ชอบทานของหวานควรมีวิตามิน B100 เป็นคู่หูติดกายไว้ก็เป็นตัวช่วยที่ดี เพราะ… ช่วยป้องกันการเสื่อมของหลอดเลือดที่เกิดจากน้ำตาล ทั้งยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและสมองได้ น้ำตาล คือ ยาพิษ ยิ่งทานน้อย ยิ่งดี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus Clinichttps://hfocusclinic.com/ทำไมต้องเรา/
วิตามิน E ถือเป็นวิตามินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวิตามินชะลอความแก่ เนื่องด้วยมีคุณสมบัติในการทำงานที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง จึงช่วยยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายไม่ให้แก่ก่อนวัยหรือถูกทำลายได้ จึงช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่น ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดคอเลสเตอรอล วิตามิน E ยังเป็นตัวสำคัญที่ช่วยป้องกันไขมันพอกตับ ช่วยป้องกันตับแข็ง ป้องกันเซลล์ตับไม่ให้เกิดการอักเสบอีกด้วย มักพบวิตามิน E ในน้ำมันมะกอก อัลมอนด์ อะโวคาโด กล้วย ผักโขม บรอกโคลี จึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามิน E เป็นประจำเพื่อร่างกายที่แข็งแรง เสริมวิตามิน E แบบอาหารเสริมในรูปแบบวิตามิน E (Tocopherol) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นและช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus Clinichttps://hfocusclinic.com/ทำไมต้องเรา/
การรับประทานผักเพื่อป้องกันโรคมะเร็งเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพ ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก มีการชี้แจงว่าพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ดี รวมถึงการรับประทานอาหารที่สมดุล เช่น การมีส่วนผสมของผักและผลไม้ในอาหารประจำวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ถึง 30-50% เลยทีเดียว! ผัก : โลกแห่งวิตามินและเกลือแร่ ผักนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นสำหรับการรักษาสมดุลของร่างกาย นอกจากนี้ ผักยังมีกากใยที่ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดของเสียในลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ สารต้านอนุมูลอิสระในผัก ผักหลากหลายชนิดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะสาร Polyphenol ที่พบในผักสีต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี คะน้า มะเขือเทศ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้จากการทดลองในห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลอง กินอาหารอย่างสมดุลเป็นกุญแจสำคัญ การรับประทานอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีผักผลไม้เป็นส่วนประกอบในมื้ออาหาร จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และมะเร็งนรีเวชได้ค่ะ วิจัยเกี่ยวกับการกินผักและมะเร็ง ถึงแม้การกินผักจะเป็นวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงของมะเร็ง แต่มะเร็งเป็นโรคที่มีความซับซ้อน และไม่สามารถใช้การกินผักชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียวในการป้องกันได้ เราจึงควรกินผักให้หลากหลายชนิด โดยมีการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าผู้ที่รับประทานผักเป็นประจำมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ไม่รับประทานผัก นี่เป็นเหตุผลที่เราควรใส่ใจในการรับประทานผักเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองค่ะ โดยสรุป การกินผักเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ โดยควรผักให้หลากหลายชนิด และมีปริมาณเพียงพอในทุกๆ วัน หรือคือให้ได้ประมาณ 50% ของมื้ออาหาร จะเป็นส่วนสำคัญที่สามารถช่วยป้องกันไม่เพียงแต่โรคมะเร็งแต่ยังรวมถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ค่ะ วันนี้คุณกินผักเพียงพอแล้วหรือยังคะ? […]
ภาวะน้ำตาลในเลือดที่สูงนั้นอย่างที่ทราบกันว่าโดยมากมักเกิดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้นก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะนี้ได้เช่นกันซึ่งจะนำพาทำให้เราเป็นโรคเบาหวานได้ต่อไปนั่นเองค่ะ แล้วเราจะสามารถหลีกเลี่ยงหรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ไปไกลได้อย่างไร มาดูกันดีกว่า น้ำตาลในเลือด เมื่อเราพูดถึง ‘น้ำตาลในเลือด’ เรากำลังพูดถึงระดับความเข้มข้นของน้ำตาลกลูโคสในเลือดค่ะ ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์ในร่างกาย โดยปกติร่างกายของเรานั้นจะมีการควบคุมระดับน้ำตาลให้สมดุลอยู่เสมอ ระดับน้ำตาลในเลือดที่ปกติคือประมาณ 90-110 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก่อนอาหารเช้า ต่ำกว่า 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หลังอาหาร นอกจากนั้นค่าน้ำตาลในเลือดสะสม (HbA1c) ควรน้อยกว่า 6.5% เพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดค่ะ น้ำตาลในเลือดควบคุมอย่างไรดี มีเคล็ดลับ อาหาร เริ่มด้วยปัจจัยที่เราควบคุมได้อย่างแรกค่ะ อาหาร คาร์โบไฮเดรตที่ถูกต้อง โดยปกติเมื่อคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยจะได้เป็นน้ำตาลกลูโคสค่ะ ดังนั้นเราต้องเลือกชนิดคาร์โบไฮเดรตที่จะทานให้เหมาะสม ต้องลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวแต่เลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนแทนค่ะ ซึ่งคือคาร์โบไฮเดรตที่อุดมไปด้วยใยอาหาร เช่น แป้งหรือข้าวที่ไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก นอกจากนั้นเราต้องพยายามจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแต่ละมื้อไม่ให้มากเกินไปด้วยค่ะ แบ่งมื้อเล็ก การแบ่งทานเป็นมื้อเล็กหลายๆมื้อ แทนที่จะเป็นมื้อใหญ่มื้อเดียว สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลสู่ร่างกายเราได้ค่ะ น้ำเปล่าต้องเพียงพอ ทั้งนี้โดยปกติหากร่างกายเราขาดน้ำจะส่งผลทำให้เลือดข้นและระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ เราจึงควรดื่มน้ำเปล่าให้มากเพียงพอ ประมาณ 8 แก้วต่อวัน นอกจากนั้นยังเป็นการบังคับตัวเองทางอ้อมไม่ให้ไปดื่มน้ำหวานอีกด้วย ระวังน้ำตาล โดยเฉพาะในเครื่องดื่ม ควบคุมตัวเอง ไม่ทานขนมหรืออะไรก็ตามที่มีน้ำตาลสูงช่วยได้แน่ค่ะ […]
ทุกวันนี้อาหารหลายชนิดที่เราบริโภคอยู่เป็นประจำมักมีน้ำตาลซ่อนอยู่ ซึ่งหากรับประทานเข้าไปเกินความจำเป็น ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นประจำ จนอาจเกิดภาวะดื้ออินซูลินและเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ตามมาได้ในที่สุด วันนี้เรามาดูสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกว่าคุณอาจกำลังมีค่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานและเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานค่ะ: 1. ปัสสาวะบ่อย ทั้งกลางวันและกลางคืน: นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนแรกๆ ที่ชัดเจนที่สุดค่ะ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะพยายามขจัดน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ทำให้คุณต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน เนื่องจากร่างกายพยายามขจัดน้ำตาลออกจากเลือดผ่านการปัสสาวะนั่นเอง 2. กระหายน้ำมากขึ้นผิดปกติ: เป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากข้อแรก เนื่องจากเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำในปริมาณมากๆ จากการปัสสาวะ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณเตือนว่าต้องการน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปด้วยการทำให้คุณรู้สึกกระหายน้ำเป็นอย่างมาก 3. รู้สึกอ่อนเพลียและน้ำหนักลดลง: ปกติแล้วร่างกายของเราใช้น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานหลัก แต่เมื่อมีน้ำตาลในเลือดมากเกินไปเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ร่างกายก็จะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นแหล่งพลังงานได้ จะทำให้ร่างกายเริ่มเบิร์นไขมันและกล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นพลังงานแทน ซึ่งก็จะนำไปสู่ความรู้สึกอ่อนเพลียอย่างต่อเนื่อง และน้ำหนักลดลงโดยไม่มีสาเหตุ 4. ตาพร่ามัว มองเห็นภาพไม่ชัด: น้ำตาลในเลือดสูงสามารถทำให้เลือดไหลเวียนไปยังดวงตาไม่สะดวก และอาจเกิดความเสียหายต่อเส้นเลือดในดวงตา ส่งผลทำให้เกิดอาการตาพร่า เห็นภาพไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อนได้ 5. หิวบ่อย กินเก่งขึ้นกว่าเดิม: แม้ว่าคุณจะรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลเหล่านั้นได้เป็นปกติ จึงส่งผลทำให้เกิดความรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลาและร่างกายต้องการรับประทานอาหารมากขึ้นเพื่อหาแหล่งพลังงาน 6. คันตามตัว ผิวติดเชื้อได้ง่าย: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราหรือตกขาวเยอะผิดปกติ 7. เท้าชาเนื่องจากปลายประสาทเสื่อม: เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงทั่วร่างกายเสื่อมลง ก่อให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาท […]
ในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลันสูงถึง 7 ล้านคนทั่วโลก สาเหตุหลักคือการอุดตันของหลอดเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปยังหัวใจได้ ส่งผลให้หัวใจขาดออกซิเจนและหยุดทำงานชั่วขณะ หรือในบางกรณีอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายไปได้ ภาวะหัวใจวายเกิดจากอะไร? ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันมักเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ไขมันเหล่านี้จะกลายเป็นตะกรัน (Plaque) และเมื่อแตกตัว ร่างกายจะตอบสนองโดยการสร้างลิ่มเลือดเพื่อซ่อมแซม แต่กลับทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้เต็มที่ และทำให้หัวใจขาดออกซิเจน ไขมันสะสมในหลอดเลือดเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันเลวเป็นประจำภาวะเครียดที่ทำให้ร่างกายต้องการน้ำตาลมากขึ้นการพักผ่อนน้อยและน้ำหนักเกินจากการไม่ออกกำลังกาย อาการเตือนของภาวะหัวใจวาย เจ็บแน่นหน้าอกเหนื่อยง่าย หายใจสั้น หายใจไม่สะดวกเหงื่อออกง่าย หน้ามืดบ่อยปวดแขนซ้าย กราม หลัง หรือท้องคลื่นไส้ อาเจียน อาการเหล่านี้มักไม่ชัดเจนในผู้หญิงและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เหนื่อยง่ายอยู่แล้ว นอกจากนี้ ผู้ป่วยเบาหวานอาจไม่แสดงอาการเหล่านี้เลย การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก วิธีป้องกันหัวใจวาย ออกกำลังกายแบบแอโรบิคและแรงต้านทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันเลวน้อยทานไขมันดี เช่น น้ำมันมะพร้าว อโวคาโด ไขมันจากปลาทะเลคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์งดสูบบุหรี่พักผ่อนให้เพียงพอหากมีอาการต้องเตรียมตัวรับมืออาการฉุกเฉินให้พร้อมทานอาหารเสริมป้องกันหลอดเลือดอุดตันที่เป็นสาเหตุของการเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน คือ CoQ10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในหลอดเลือด เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ ลดการอักเสบของหลอดเลือด ป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลเกาะหลอดเลือด ป้องกันการเกิดหัวใจล้มเหลวได้ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันเป็นอันตรายร้ายแรงที่เราสามารถป้องกันได้ด้วยการใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในด้านการออกกำลังกาย การเลือกอาหารที่ดี และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยง การดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและป้องกันภาวะหัวใจวายในอนาคตได้ค่ะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine […]
หากปล่อยให้มีไขมันในเลือดสูงจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต ภาวะหัวใจหยุดเต้น จึงควรคุมอาหารประเภทที่มีไขมันทรานส์ (Trans Fat) เพราะไขมันทรานส์ทําให้ค่า LDL ขึ้นสูงได้มากที่สุด ควรนอนให้เร็ว นอนก่อน 22.00 น. ถ้าเกิดเรานอนดีการฟื้นฟูฮอร์โมนของร่างกายจะทําได้ดี ควรรับประทานมื้อเย็นให้น้อย ไม่ควรรับประทานอาหารแคลอรี่สูงในมื้อเย็น เพราะคอเลสเตอรอลสร้างตอนกลางคืนได้มากขึ้น ปกติแล้ว 70%-80% ของไขมันที่อยู่ในเลือดเกิดจากร่างกายเราสร้างขึ้นเอง แล้วเกิดจากการรับประทานอาหาร 20%-30% ดังนั้นจึงควรหาอาหารเสริมที่ไปลดการสร้างคอเลสเตอรอลของร่างกาย นั่นคือ โพลิโคซานอล สารสกัดจากข้าวโพด และ Red Yest Rice สารสกัดจากยีสต์แดง หรือเสริม Lipizone ที่มีส่วนประกอบของ Red Yeast Rice, Policosanol ก็จะช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยลด LDL และไตรกลีเซอไรด์ได้.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj […]
โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเป็นภาวะที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน จนเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกอย่างฉับพลัน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่สูบบุหรี่, มีความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, คอเลสเตอรอลสูง และหลอดเลือดอักเสบ ซึ่งสามารถตรวจพบจากค่าต่าง ๆ เช่น CRP และ Homocysteine ในการตรวจสุขภาพประจำปี อาการที่ควรระวัง การเจ็บหน้าอกสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เจ็บขณะพัก โดยไม่ต้องออกแรง เช่น เจ็บขณะนอนหลับ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 20 นาที ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เจ็บขณะออกแรง แม้จะรุนแรงน้อยกว่า แต่หากอาการไม่หายไปภายใน 20 นาที ก็ควรรีบไปโรงพยาบาลเช่นกัน การป้องกัน เน้นการลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หลอดเลือดอักเสบและตีบตัน ได้แก่ ลดน้ำตาล เพราะน้ำตาลเป็นพิษต่อหลอดเลือดและกระตุ้นการเกิดคอเลสเตอรอลสะสม หลีกเลี่ยงน้ำมันที่มีโอเมก้า 6 สูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งทำให้หลอดเลือดอักเสบ ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ติดมันที่มีโอเมก้า 6 สูง แนะนำให้เสริม Fish Oil […]
วิตามินดี เป็นสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกาย เป็นส่วนประกอบคล้ายฮอร์โมนและทุกๆ เซลล์ในร่างกายของเรา แล้วร่างกายเราจะขาดวิตามินดี ไม่ได้ ส่วนมากคนไทยมักขาดวิตามินดี เพราะว่าคนไทยส่วนมากกลัวแดด ไม่ค่อยโดนแดด วิตามินดี ปกติเราจะได้รับจากแสงแดด โดยแสงแดดจะมาเปลี่ยนคอเลสเตอรอลใต้ผิวหนังให้เป็นวิตามินดี กลุ่มคนที่ขาดวิตามินดี คือ กลุ่มคนที่เป็นโรคตับ โรคไต เพราะว่าเมื่อโดนแดดและมีการสังเคราะห์วิตามินดี จะต้องใช้ตับ ใช้ไต ช่วยเปลี่ยนวิตามินดี ให้ Active และใช้งานได้ เพราะฉะนั้นคนที่ตับและไตไม่ดีจึงขาดวิตามินดี ไปด้วย วิตามินดี พบได้มากในจำพวกปลาแซลม่อน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาทับทิม ปลาตะเพียน ไข่แดง ตับ นม เห็ด ซึ่งบางครั้งวิตามินดี ที่ได้รับอาจมีปริมาณน้อยและไม่เพียงพอในการรับประทานจากอาหารเพียงอย่างเดียว กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการขาดวิตามินดี คนที่มีสีผิวคล้ำ คนที่อายุมาก หรือผู้สูงอายุ คนที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ โรคอ้วน คนที่ไม่ค่อยรับประทานอาหารประเภทปลา คนที่อยู่ในเขตประเทศที่ไม่ค่อยมีแสงแดด คนที่ใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน คนที่อยู่แต่ในที่ร่มตลอดเวลา แทบไม่ค่อยออกข้างนอก 8 อาการที่บอกว่า คุณกำลังขาดวิตามินดี ป่วยบ่อยและติดเชื้อไวรัสง่าย เหนื่อยง่าย ร่างกายอ่อนแอ […]