ความไม่สมดุลของฮอร์โมนส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ในรูปแบบของความผิดปกติทั่วไป เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ผิดปกติ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ภาวะมีบุตรยาก ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ และฮอร์โมนเอสโตรเจนครอบงำ เมื่อฮอร์โมนไม่สมดุลมักจะมีอาการรู้สึกกระวนกระวาย เหนื่อย หงุดหงิดง่าย น้ำหนักขึ้นหรือลด นอนหลับไม่สนิท และสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในความต้องการทางเพศ การมีสมาธิจดจ่อ และความอยากอาหาร ซึ่งสาเหตุของความไม่สมดุลของฮอร์โมนนั้นเกิดจากสุขภาพลำไส้ไม่ดี การอักเสบ ความเครียดสูง ความอ่อนแอทางพันธุกรรม น้ำหนักเกิน และความเป็นพิษในร่างกาย หากคุณมีอาการเหล่านี้ เรามีวิธีปรับสมดุลฮอร์โมนที่อาจเป็นตัวช่วยที่ช่วยให้คุณหายจากอาการเหล่านี้ได้ 1. เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันเพื่อสุขภาพ ร่างกายต้องการไขมันหลายชนิดเพื่อใช้ในสร้างฮอร์โมน ซึ่งไขมันจำเป็นเหล่านี้ ยังช่วยรักษาระดับการอักเสบให้ต่ำ เพิ่มการเผาผลาญ และช่วยในการลดน้ำหนัก ซึ่งไขมันดีมีผลตรงกันข้ามกับคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นตัวนำไปสู่การอักเสบ และอาจส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนได้ อาหารที่มีไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะพร้าว อะโวคาโด และปลาแซลมอน ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกน้ำตาล คาร์โบไฮเดรตแปรรูป และน้ำมันพืช เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุของความไม่สมดุลของฮอร์โมน 2. อาหารเสริมเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางโภชนาการ แม้ว่าการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นกุญแจสำคัญสำหรับสุขภาพทุกด้าน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องเสริมเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางโภชนาการที่อาจนำไปสู่ความไม่สมดุลของฮอร์โมนอาหารเสริมอันดับต้น ๆ ที่ควรเน้นเพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมน Vitamin D : เป็นวิตามินที่ดีที่สุดสำหรับความไม่สมดุลของฮอร์โมน เนื่องจากมันเกือบจะทำหน้าที่เหมือนฮอร์โมนภายในร่างกาย […]
Category Archives: บทความที่เกี่ยวข้อง
การดูแลสุขภาพของผู้หญิงเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากมีหลายโรคที่พบว่าเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันและฮอร์โมน มาดูกันว่าโรคอะไรบ้างที่ผู้หญิงต้องระวังเป็นพิเศษ และวิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคเหล่านี้กันค่ะ 1. โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis – MS) โรคนี้เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพฤกษ์ อัมพาต และสูญเสียการมองเห็น ผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชายถึงสองในสามของผู้ป่วยทั้งหมด แม้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถรักษาตามอาการได้ค่ะ 2. โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus – SLE) โรคลูปัสเป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดการอักเสบในข้อต่อและอวัยวะต่าง ๆ ผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชายถึง 9-10 เท่า อาการที่พบได้บ่อยคือ ความเหนื่อยล้า ข้อต่อบวม อักเสบ มือเท้าบวมแดง แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ฮอร์โมนเพศหญิง สิ่งแวดล้อม การตั้งครรภ์ รังสียูวี หรือสารเคมีบางชนิด 3. โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome) เพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าเพศชายถึงสี่เท่า โดยอาการของโรคคือ ความอ่อนเพลียอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ นอนไม่ค่อยหลับ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ระบบขับถ่ายแปรปรวน […]
ในยุคปัจจุบันนี้ สภาพแวดล้อมรอบตัวเรามักพบกับความเสี่ยงที่สามารถนำเราให้เข้าใกล้โรคต่างๆ ได้มากมาย โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นสารพิษในอาหาร มลภาวะในอากาศ ฝุ่น pm 2.5 ควันบุหรี่มือสอง เพื่อความปลอดภัยมาลองเช็กดูกันค่ะว่า คุณหรือคนใกล้ตัวมี 8 สัญญาณโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นอันตรายใกล้ตัวที่มองไม่เห็นอยู่หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือปัสสาวะมีสีเลือด กลืนอาหารลำบาก หรืออาหารติดอยู่ที่ช่องกลางอก หรืออาหารไม่ย่อย แน่น จุดเสียดท้องเป็นเวลานาน มีอาการเสียงแหบไอเรื้อรังผิดปกติ มีเสมหะปนเลือด มีเลือดหรือตกขาวที่ผิดปกติ มูกเลือด น้ำเหลืองปนเลือดออกทางช่องคลอดหรือทวารหนัก เป็นแผลเรื้อรังหายช้ามากกว่า 1 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝตามร่างกายที่โตเร็วผิดปกติ มีก้อนที่เต้านมหรือส่วนต่างๆ หูอื้อหรือมีเลือดกำเดาไหล หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัญญาณอันตรายดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจค้นหาโรคมะเร็ง เพราะมะเร็งหลายชนิดหากตรวจพบแต่เนิ่นๆ ก็จะมีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้ค่ะ สำหรับคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะมากๆ ก็ควรปฏิบัติตนเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็ง ดังเช่น กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้และธัญพืช ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง เลี่ยงอาหารที่มีเชื้อรา เช่น พริกแห้งที่มีราขึ้น เลี่ยงการทานอาหารที่สุกๆ ดิบๆ เลี่ยงอาหารรมควัน […]
“สมองเสื่อม” เป็นภาวะที่ส่งผลต่อความจำ การคิดวิเคราะห์ และความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน การรู้จักและเข้าใจถึงอาการของ “สมองเสื่อม” จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรทราบ เพื่อสามารถดูแลและให้การสนับสนุนผู้ที่เผชิญกับสภาวะนี้ได้อย่างเหมาะสม โดยเราสามารถแบ่งระดับของอาการสมองเสื่อมออกได้เป็น 3 ระดับหลักๆ ดังนี้ 1. สมองเสื่อมระดับเล็กน้อย ในระดับนี้ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการหลงลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แม้จะยังจำเหตุการณ์ในอดีตได้ชัดเจน พวกเขาอาจเริ่มพบปัญหาในการจดจ่อกับสิ่งต่างๆ และเริ่มมีความบกพร่องในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ยังสามารถช่วยเหลือตนเองและทำกิจกรรมต่างๆ ได้อยู่ 2. สมองเสื่อมระดับปานกลาง อาการในระดับนี้จะเริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อความจำเสื่อมลงอย่างมาก ผู้ป่วยจะเริ่มมีปัญหาในการเข้าใจ การเรียนรู้ และการแก้ปัญหา ซึ่งอาจเคยเป็นกิจกรรมที่ทำได้ดีในอดีต ผู้ที่อยู่ในระดับนี้จึงต้องการการดูแลให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากการอยู่ตามลำพัง 3. สมองเสื่อมระดับรุนแรง ในระดับสุดท้ายนี้ ผู้ป่วยจะสูญเสียความทรงจำอย่างรุนแรง จนไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ใดๆ หรือแม้แต่บุคคลรอบข้างได้ อาจรวมไปถึงการไม่รู้จักตัวเอง พวกเขาอาจมีอาการผิดปกติทางร่างกายและจิตใจ เช่น บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า การดูแลในระดับนี้ต้องการความรอบคอบและใกล้ชิดอย่างมาก เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วย การรู้เท่าทันอาการของสมองเสื่อมในแต่ละระดับ จะช่วยให้เราสามารถจัดการและเตรียมความพร้อมในการดูแลคนที่เรารักได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การสนับสนุนจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดนะคะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : […]
การดูแลพ่อแม่ที่อยู่ในช่วงวัยทองถือเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างมากสำหรับลูก ๆ เป็นช่วงที่พ่อแม่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งอาจทำให้พวกท่านมีอารมณ์แปรปรวน หรือรู้สึกเครียดบ่อยขึ้น ในฐานะลูกจะรับมืออย่างไรกับอาการเหล่านี้ วันนี้เรามีมาฝากกันค่ะ 1. เข้าใจและรับฟัง ลองทำความเข้าใจว่าสิ่งที่พวกท่านเผชิญอยู่อาจไม่ง่าย เช่น อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ความรู้สึกหงุดหงิด หรือความกังวลใจที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและจิตใจ ใช้เวลาในการรับฟังและให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกท่านพูด การรับฟังอย่างตั้งใจจะช่วยลดความขัดแย้งและทำให้พวกท่านรู้สึกว่าเราห่วงใย 2. อย่าตอบโต้ด้วยอารมณ์ เมื่อพ่อแม่อารมณ์เสียหรือแสดงอาการหงุดหงิด อย่าโต้เถียงด้วยอารมณ์ ควรอดทนและรอให้พวกท่านใจเย็นก่อน แล้วค่อยกลับมาพูดคุยอย่างมีเหตุผล และควบคุมอารมณ์ของตนเอง พยายามทำให้บรรยากาศรอบตัวสงบลง 3. สร้างบรรยากาศเชิงบวก ชวนพ่อแม่ทำกิจกรรมที่สร้างความสุข เช่น การเดินเล่น อ่านหนังสือ พาไปพบปะผู้คน หรือกิจกรรมที่พวกท่านสนใจ ซึ่งอาจช่วยให้พวกท่านผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น 4. ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของพวกท่าน ส่งเสริมให้พวกท่านดูแลสุขภาพ เช่น ออกกำลังกายเบา ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนเพียงพอ สุขภาพที่ดีจะช่วยลดอาการทางอารมณ์และความเครียด หากมีอาการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้าหรือวิตกกังวล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำ แนะนำให้พาท่านไปตรวจฮอร์โมนเพื่อประเมินระดับฮอร์โมนในร่างกาย การปรับสมดุลฮอร์โมนเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยจัดการกับอาการของวัยทองได้ดีขึ้น 5. พูดคุยอย่างอ่อนโยน ลองพูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและแสดงความเคารพ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยในบางเรื่อง แต่การใช้คำพูดที่ให้เกียรติจะช่วยให้การสื่อสารราบรื่นและลดความตึงเครียดลงได้ 6. หากิจกรรมผ่อนคลายสำหรับตนเอง […]
หลายคนคงทราบกันดีว่า “ความอ้วน” นั้นเป็นปัจจัยให้ก่อเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ แต่จริงๆ แล้ว คนที่ผอมเกินไปหรือมีน้ำหนักน้อยเกินเกณฑ์ เมื่อไปตรวจสุขภาพก็อาจพบว่าตนเองมีค่าไขมันในเลือดหรือความดันโลหิตสูงได้เช่นกัน โดยโรคที่คนผอมมักเสี่ยงเป็นโดยไม่รู้ตัวมีดังต่อไปนี้ค่ะ ไขมันในเลือดสูง แม้ว่าโรคไขมันในเลือดสูงจะพบบ่อยในคนที่มีน้ำหนักเกิน แต่คนผอมก็มีปัจจัยเสี่ยงเช่นกันค่ะ เพราะไขมันในร่างกายนั้นประกอบด้วยไขมันในหลอดเลือด ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง คนผอมที่กินอย่างไรก็ไม่อ้วนเนื่องด้วยปัจจัยทางพันธุกรรม แต่จริงๆ แล้วร่างกายยังสามารถสะสมไขมันไว้ในกระแสเลือดได้ ซึ่งหากปล่อยไว้ก็อาจเสี่ยงภาวะหลอดเลือดแข็ง ตีบ และอุดตัน เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง รวมถึงโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ค่ะ ความดันโลหิตสูง หลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่าความดันโลหิตสูงนั้นเกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วคนอ้วนหรือผอมก็สามารถตรวจพบว่าเป็นความดันโลหิตสูงได้ค่ะ โดยปัจจัยเสี่ยงนั้นอาจมาจากอายุ (40-50 ปีขึ้นไป) เพศหญิงในวัยหมดประจำเดือน ความเครียดและวิตกกังวล หรือมาจากพันธุกรรมได้ถึง 30-40% ในระยะแรกมักไม่มีอาการผิดปกติ แต่พบโดยการตรวจสุขภาพประจำปี หรือมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาภายหลัง โรคไทรอยด์ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยอาจเกิดจากภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ (Hyperthyroid) หรือเรียกว่าภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติ เนื่องจากต่อมไทรอยด์มีหน้าที่ผลิตและหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย ระดับอุณหภูมิของร่างกาย และระดับไขมันในเลือด โดยผู้ป่วยจะมีอาการใจสั่น มือสั่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด หากไม่รับการรักษาอย่างถูกต้องก็อาจเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคทางกระดูกได้ค่ะ โรคกระดูกพรุน […]
คนเราหากได้ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และมีระบบลำไส้ที่แข็งแรง ขับถ่ายได้สะดวก ไม่มีปัญหาท้องผูก ท้องเสีย ท้องเดิน หรือท้องอืด ก็มักจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและผิวพรรณที่ผ่องใสตามไปด้วยค่ะ ดังนั้น สิ่งที่กินแล้วดีต่อลำไส้ก็จะส่งผลดีกับสุขภาพร่างกายและผิวพรรณไปด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ “โปรไบโอติก” นั่นเองค่ะ “โปรไบโอติก” คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและมีความสำคัญอย่างมากในระบบนิเวศของลำไส้ เพราะหากร่างกายของเราขาดจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้ ก็จะเสี่ยงต่อการอักเสบเรื้อรังในทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความเสื่อมถอยในร่างกายและทำให้คนเราแก่ชราลงได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่า ยาที่ใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น สเตียรอยด์ NSAID ยาปฏิชีวนะ การทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ รวมไปถึงความเครียดในชีวิตประจำวัน ก็ล้วนทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ บางคนอาจไม่แสดงอาการรุนแรงชัดเจนแต่ก็ทำให้เกิดการเร่งความเสื่อมของร่างกายอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีการวิจัยพบว่า การทานโปรไบโอติกเสริมอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ร่างกายสามารถต่อต้านการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ได้ ส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นและช่วยชะลอวัยได้ โดยโปรไบโอติกนั้นจะพบมากในผลิตภัณฑ์อาหารหมัก เช่น นมเปรี้ยว แหนม กิมจิ ซึ่งเป็นสารอาหารธรรมชาติ จึงไม่มีผลข้างเคียงหรือเกิดผลเสียต่อร่างกาย การทานโปรไบโอติกส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพลำไส้ โดยในผู้ที่มีอาการท้องผูก ท้องเสีย ท้องเดิน หรือท้องอืด ก็จะมีอาการที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว มีฤทธิ์ในการเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ทำให้อาการโรคภูมิแพ้ต่างๆ ดีขึ้น ลดการอักเสบที่ทำลายผิว จึงส่งผลให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง […]
ในบางครั้งเมื่อเกิดอาการนอนไม่หลับขึ้นมา หลายๆ คนคงหาสารพัดวิธีที่จะช่วยให้นอนหลับได้เร็วขึ้น เช่น นอนนับแกะ ดื่มแอลกอฮอล์ ฝืนนอนให้หลับ ออกกำลังกายก่อนนอน หรือทานอาหารจนอิ่มท้อง แต่จริงๆ แล้ววิธีเหล่านี้อาจทำให้นอนหลับยากกว่าเดิม หรือทำให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายได้อีกด้วยค่ะ 1. ดื่มแอลกอฮอล์ให้กรึ่มๆ แล้วจะหลับดีขึ้น หลายคนคงทราบกันดีว่าแอลกอฮอล์นั้นมีฤทธิ์กล่อมประสาท จึงดื่มเพื่อให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่จริงๆ แล้วมันอาจทำให้ประสิทธิภาพการนอนแย่ลงได้ค่ะ เนื่องจากแอลกอฮอล์นั้น จะเข้าไปรบกวนระบบประสาทอัตโนมัติในร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการนอนหลับไม่สนิท หลับๆ ตื่นๆ ตื่นกลางดึก ฝันร้าย และกระสับกระส่ายไปตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังส่งผลให้ช่วงเวลาหลับลึก (REM sleep) ของเราลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของสมองในการเรียนรู้และความทรงจำในระยะยาวได้ค่ะ 2. นอนนับแกะไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับ เป็นวิธีที่หลายคนอาจเคยได้ยินกันบ่อยๆ ในสื่อบันเทิงต่างๆ แต่จริงๆ แล้วในทางการแพทย์ การนับแกะนั้นไม่ได้ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นแต่อย่างใดค่ะ แต่กลับส่งผลตรงข้ามด้วยซ้ำ คือทำให้หลับได้ยากขึ้นไปอีก เพราะการนับแกะทำให้เราจดจ่ออยู่กับการนับ ซึ่งทำให้สมองต้องทำงานและสั่งการอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดพัก เทียบเท่าได้กับการมีเรื่องคิดวนเวียนอยู่ในหัวจนทำให้หลับได้ยากขึ้นนั่นเองค่ะ 3. ข่มตานอนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลับไปเอง หากใครที่เกิดอาการนอนไม่หลับ หรือตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้เกินกว่า 30 นาทีขึ้นไป […]
คงไม่มีใครอยากแก่ เพราะเมื่อใดที่แก่ตัวลงนอกจากผิวพรรณจะเหี่ยวห่น ไม่เต่งตึงแล้ว ความแก่ชรายังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจนอาจเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ การชะลอความชราทำได้หลายแบบทั้งการดูแลไลฟ์สไตล์ให้ดี นอนให้ดี กินอาหารที่ดี ดูแลฮอร์โมนให้ดี แต่ปัจจุบันนี้มีตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การชะลอความชราด้วยสาร Resveratrol ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของยีน Sirtuins ที่เป็นยีนควบคุมความแก่และป้องกันโรคภัย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แล้วยังช่วยดูแลหัวใจ ป้องกันมะเร็งได้ สารนี้มักพบในองุ่นแดง ไวน์แดง บลูเบอร์รี แครนเบอร์รี ซึ่งบางคนอยากเสริมสาร Resveratrol แต่ไม่สะดวกรับประทานแบบอาหารก็อาจเสริมเป็นตัว N.M.N. ได้ ซึ่งจะมีส่วนประกอบของสาร Resveratrol อยู่ แล้วตัว N.M.N. เมื่อรับประทานไปแล้วจะเปลี่ยนเป็น NAD ที่จะไปช่วยเปิดยีน Sirtuins ช่วยชะลอวัยและทำให้เซลล์ทำงานดีขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus […]
เมื่อเราทานของหวานในปริมาณมาก น้ำตาลจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้โมเลกุลของน้ำตาลไปเกาะติดกับโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนก่อให้เกิดสาร AGEs (สารเร่งแก่) เมื่อสาร AGEs ผ่านเข้าสู่เซลล์ต่างๆ … จะทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และเกิดภาวะแก่ก่อนวัย ใครไม่อยากแก่ก่อนวัยก็ควรลด ละ เลิกการทานของหวานและเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ไม่ว่าจะ… ไอศกรีม ชานมไข่มุก ขนมปัง เค้ก คุกกี้ ควรจำกัดการบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน ในคนที่ชอบทานของหวานควรมีวิตามิน B100 เป็นคู่หูติดกายไว้ก็เป็นตัวช่วยที่ดี เพราะ… ช่วยป้องกันการเสื่อมของหลอดเลือดที่เกิดจากน้ำตาล ทั้งยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและสมองได้ น้ำตาล คือ ยาพิษ ยิ่งทานน้อย ยิ่งดี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายLine : https://line.me/R/ti/p/%40214byvpdWebsite : https://healthfocusclinic.co.th/Tel : 02-096-4945Location : The Grove Hathairaj (เดอะ โกรพ หทัยราษฏร์)_________________________________________________ทำความรู้จักกับหมออรรถ (อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ)https://hfocusclinic.com/หมออรรถ-อย่าฝากชีวิตไว้/ทำไมต้องมาตรวจสุขภาพที่ Health Focus Clinichttps://hfocusclinic.com/ทำไมต้องเรา/