ขึ้นชื่อว่า “เครื่องดื่มสุขภาพ” หลายคนอาจคิดว่าคงมีแต่คุณประโยชน์ทำให้เราสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วหากเราทานอย่างไม่ระวังหรือทานในปริมาณมากเกินไป ก็อาจแฝงภัยร้ายได้อย่างที่เราไม่คาดคิดได้เช่นเดียวกันค่ะ 1. น้ำผลไม้ ถึงน้ำผลไม้จะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ แต่ก็อาจมาพร้อมกับน้ำตาลฟรุกโตสที่มากเกินพอดี เพราะน้ำผลไม้ 100% บางชนิด แม้ไม่ได้เติมน้ำตาล เช่น น้ำส้ม หรือน้ำแอปเปิ้ล หนึ่งแก้วนั้นมีน้ำตาลอยู่ถึง 20-25 กรัม หรือแทบไม่ต่างจากปริมาณน้ำตาลในน้ำอัดลมเลยค่ะ หากทานมากเกินพอดีก็อาจส่งผลร้ายได้ ดังนั้น หากเราต้องการวิตามินและแร่ธาตุจากผลไม้ ก็ควรเลือกทานผลไม้แบบสด ๆ จะดีกว่า ซึ่งกากใยในผลไม้จะทำให้เราใช้เวลาในการทานและอิ่มท้องได้นานกว่า และช่วยลดความเสี่ยงในการรับน้ำตาลจากผลไม้เกินได้ค่ะ 2. นมวัว ถึงแม้นมวัวจะเป็นแหล่งรวมแคลเซียมและโปรตีนที่มีกรดอะมิโนครบถ้วน แต่ในนมวัวก็มีไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลแลคโตสตามธรรมชาติในปริมาณมากเช่นกันค่ะ โดยในนมจืด 1 กล่อง หรือ 200 cc นั้นมีปริมาณน้ำตาลอยู่ 7-8 กรัม ยิ่งหากเป็นนมรสหวานหรือนมเปรี้ยวก็ยิ่งปริมาณน้ำตาลสูง หากดื่มไม่ระวังก็อาจส่งผลร้ายได้ค่ะ อีกทั้งนมวัวยังไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะในร่างกายบางคนไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมและจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย และคนที่แพ้เคซีนในนมก็อาจเกิดอาการภูมิแพ้ได้ หากใครแพ้นมวัวก็ควรเลือกรับโปรตีนและแคลเซียมจากแหล่งอาหารอื่น ๆ จะดีกว่าค่ะ 3. น้ำวิตามิน ไม่ว่าจะเป็นน้ำวิตามินซี หรือวิตามินบีแบบขวดที่วางขายกันอยู่มากมายตามท้องตลาด […]
Author Archives: admin
“โรคไต” เป็นโรคที่หลายคนกลัวกัน โดยเฉพาะโรคไตวายเรื้อรัง ซึ่งโรคไตวายเรื้อรังเมื่อเป็นในระดับที่มากแล้วจนถึงระดับหนึ่งก็อาจจะทำให้ต้องล้างไต และอาจจะต้องล้างไตไปตลอดชีวิตได้ โรคไตวายเรื้อรังจะไม่มีอาการจึงต้องอาศัยการตรวจเลือดจากห้องปฏิบัติการถึงจะรู้ว่าเรามีไตวายแล้ว ในบางคนอาจจะสงสัยว่า การฉี่เป็นฟองใช่หรือไม่ มีอาการปวดหลังใช่หรือเปล่า ถึงจะมีเรื่องของไตวาย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่ไม่จำเป็นเลย เพราะฉะนั้นจึงควรตรวจสุขภาพเป็นประจำและคอยเช็คค่าไตอยู่เสมอ ไตวายจะมีอยู่ด้วยกัน 5 ระยะ คือ ระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 เป็นระยะที่ค่าไตปกติดี (ไม่ต้องกังวล) ระยะที่ 3 ในคนไข้หลายคนไปโรงพยาบาลแล้วหมอบอกว่า ตอนนี้เป็นไตเสื่อมระยะที่ 3 แล้ว คนไข้ตกใจและก็ซึมเศร้าไปเลย คิดว่ามีอาการไตเสื่อมที่มากแล้ว แต่การที่บอกว่าเป็นไตเสื่อมระยะที่ 3 ฟังดูแล้วเหมือนมีเป็นหนักแล้ว แต่ว่าจริงๆ แล้วระยะที่ 1 กับระยะที่ 2 เป็นระยะที่ปกติดี เพราะฉะนั้นไตเสื่อมระยะที่ 3 จึงเป็นระยะแรกเริ่ม ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลหรือตกใจ ซึ่งไตเสื่อมระยะที่ 3 เป็นระยะที่ฟื้นฟูได้ ปกติค่าการกรองของไต (GFR) ถ้าเกิดลดลงต่ำกว่า 60 ถือว่าเป็นไตเสื่อมระยะที่ 3 ซึ่งเป็นไตเสื่อมในระยะแรกเริ่มนั่นเอง ระยะที่ […]
โรคเรื้อรัง เช่น โรคความดัน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไตวาย ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งทุกคนมักคิดว่า โรคเหล่านี้เป็นโรคที่รักษาไม่หาย ถ้าเป็นแล้วจะต้องเป็นไปตลอดชีวิต ทานยาแล้วก็จะต้องทานไปตลอดชีวิต ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด โรคเรื้อรังเหล่านี้สามารถรักษาให้หายได้ แล้วโรคเรื้อรังไม่ได้รักษาด้วยยาแต่รักษาด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราเอง แล้วการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ก็เป็นการฟื้นฟูโรคเรื้อรังได้ดี วันนี้จึงจะมาพูดถึงหลักการ 3 ข้อ ในการฟื้นฟูโรคเรื้อรังกันค่ะ 1. การรักษาที่ต้นเหตุของการเกิดโรค เช่น ต้นเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน เกิดจากการทำงานของตับอ่อนที่เสื่อมสภาพไป โดยเสื่อมสภาพจากการกินอาหารของเรา เช่น กินหวาน กินแป้งเยอะ จึงทำให้ตับอ่อนทำงานหนัก แล้วตับอ่อนมีหน้าที่ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อตับอ่อนทำงานหนักเรื่อยๆ จึงทำให้เซลล์ตับอ่อนตายลง เกิดความเสียหาย แล้วเมื่อตับอ่อนเสื่อมสภาพลงจึงทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ ดังนั้นการที่จะรักษาโรคเบาหวาน คือ การที่จะต้องฟื้นฟูตับอ่อนให้ได้ ถ้าสามารถฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนให้กลับมาทำงานได้เหมือนเดิมก็จะสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เหมือนเดิม ในคนที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานตับอ่อนจะมีความเสียหายไปแล้ว 50% เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนให้กลับมาเหมือนเดิมด้วยยา GLP-1 ซึ่งเป็นตัวหลักในการฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อน หรือการทำ IF เนื่องจากปกติแล้วตับอ่อนจะต้องทำงานทุกครั้งเวลาที่เรากินอาหาร ยิ่งกินเยอะตับอ่อนยิ่งทำงานเยอะ ซึ่งการฟื้นฟูตับอ่อนคือการที่ให้ตับอ่อนได้พัก การทำ IF คือการที่เรางดกินอาหารในช่วงเวลาที่กำหนด จึงทำให้กินอาหารไม่ได้เยอะ ตับอ่อนก็จะทำงานไม่หนักนั่นเอง ต้นเหตุของการเกิดโรคความดัน […]
ความไม่สมดุลของฮอร์โมนส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ในรูปแบบของความผิดปกติทั่วไป เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ผิดปกติ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ภาวะมีบุตรยาก ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ และฮอร์โมนเอสโตรเจนครอบงำ เมื่อฮอร์โมนไม่สมดุลมักจะมีอาการรู้สึกกระวนกระวาย เหนื่อย หงุดหงิดง่าย น้ำหนักขึ้นหรือลด นอนหลับไม่สนิท และสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในความต้องการทางเพศ การมีสมาธิจดจ่อ และความอยากอาหาร ซึ่งสาเหตุของความไม่สมดุลของฮอร์โมนนั้นเกิดจากสุขภาพลำไส้ไม่ดี การอักเสบ ความเครียดสูง ความอ่อนแอทางพันธุกรรม น้ำหนักเกิน และความเป็นพิษในร่างกาย หากคุณมีอาการเหล่านี้ เรามีวิธีปรับสมดุลฮอร์โมนที่อาจเป็นตัวช่วยที่ช่วยให้คุณหายจากอาการเหล่านี้ได้ 1. เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นไขมันเพื่อสุขภาพ ร่างกายต้องการไขมันหลายชนิดเพื่อใช้ในสร้างฮอร์โมน ซึ่งไขมันจำเป็นเหล่านี้ ยังช่วยรักษาระดับการอักเสบให้ต่ำ เพิ่มการเผาผลาญ และช่วยในการลดน้ำหนัก ซึ่งไขมันดีมีผลตรงกันข้ามกับคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นตัวนำไปสู่การอักเสบ และอาจส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนได้ อาหารที่มีไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะพร้าว อะโวคาโด และปลาแซลมอน ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกน้ำตาล คาร์โบไฮเดรตแปรรูป และน้ำมันพืช เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุของความไม่สมดุลของฮอร์โมน 2. อาหารเสริมเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางโภชนาการ แม้ว่าการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเป็นกุญแจสำคัญสำหรับสุขภาพทุกด้าน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องเสริมเพื่อเติมเต็มช่องว่างทางโภชนาการที่อาจนำไปสู่ความไม่สมดุลของฮอร์โมนอาหารเสริมอันดับต้น ๆ ที่ควรเน้นเพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมน : 👉 Vitamin D : […]
ฮอร์โมนเพศชาย หรือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ เป็นปัญหาสุขภาพที่มักเกิดขึ้นในผู้ชายเมื่อมีอายุมากขึ้น หากเกิดภาวะนี้จะส่งผลให้อารมณ์อ่อนไหว ซึมเศร้า ฉุนเฉียวง่าย สูญเสียความแข็งแรงและมวลกล้ามเนื้อ มีอาการอ่อนล้า มีบุตรยาก หย่อนสมรรถภาพทางเพศ และเป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากรูปแบบการใช้ชีวิต น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือการรับประทานอาหารที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายไม่เพียงพอ หากคุณมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำเช่นเดียวกับผู้ชายหลาย ๆ คน การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการรับประทานอาหารเหล่านี้ อาจช่วยให้คุณเอาชนะภาวะนี้ได้ 1. ไขมันดี ไขมันที่ดีต่อสุขภาพเป็นอาหารที่เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย ผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ มักเกิดจากการกินอาหารขยะ และมีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป คุณจำเป็นต้องกำจัดแคลอรี่เหล่านั้นและเติมไขมันที่ดีต่อสุขภาพให้กับร่างกาย อาหารที่มีไขมันที่ดีช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย ได้แก่ น้ำมันมะพร้าว ผลิตภัณฑ์นมหมัก เช่น คีเฟอร์ นมแพะ โยเกิร์ต หรือชีสนมแพะดิบหรือนมแกะ น้ำมันปลา เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย วอลนัท อาโวคาโด น้ำมันมะกอก อัลมอนด์ 2. โปรตีนคุณภาพดี เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนให้แข็งแรง การบริโภคแหล่งโปรตีนคุณภาพดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ การรับประทานโปรตีนคุณภาพดียังช่วยให้อิ่มและช่วยป้องกันการกินมากเกินไป เนื่องจากเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่สูงขึ้นอาจทำให้การผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนลดลง ทานเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า ปลาแซลมอน เนื้อไก่ เวย์โปรตีน โปรตีนจากพืช […]
โรคเบาหวานเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะสร้างความกังวลใจให้ต่อผู้ป่วยได้ไม่น้อยเพราะจะมีเรื่องให้คิดมากมายในแต่ละวัน “ทานยาแล้วหรือยัง? ถึงเวลาตรวจน้ำตาลในเลือดแล้วหรือยัง? วันนี้จะกินอะไร? ออกกำลังกายเพียงพอไหม? ทำไมน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น?” ซึ่งวิธีต่อไปนี้อาจเป็นตัวช่วยในการเปลี่ยนแปลงสุขภาพของคุณและคุณรักได้ กินพืชผักมากขึ้น การรับประทานอาหารจากพืช เช่น ผลไม้ ผัก ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี จะช่วยลดความเสี่ยงในการดื้อต่ออินซูลินและการเกิดเบาหวานประเภทที่ 2 อีกทั้งยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย และอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งไฟเบอร์สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำให้รู้สึกอิ่ม และป้องกันน้ำตาลในเลือดได้ เตรียมอาหารประจำสัปดาห์ การวางแผนอาหารประจำสัปดาห์และทำอาหารทานเอง จะช่วยลดปริมาณการบริโภคโซเดียมได้ เพราะเราสามารถควบคุมส่วนผสมเองได้ ทำให้เราไม่ต้องไปรับประทานอาหารแช่แข็งและอาหารสั่งกลับบ้านที่มักอุดมไปด้วยโซเดียม ซึ่งโซเดียมสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคของดันโลหิตสูงให้กับผู้ป่วยเบาหวานได้ พักจากการทำงาน หลายคนยังต้องทำงานที่บ้านเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดในตอนนี้ เราพบว่าการไม่ได้ใช้เวลาไปกับการเดินทางนั้นทำให้คุณใช้เวลานั่งและทำงานมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ นักวิจัยพบว่าระดับน้ำตาลกลูโคสและอินซูลินหลังอาหารกลางวันจะสูงขึ้นหากนั่งเป็นเวลานาน เมื่อเทียบกับบุคคลที่ยืนหรือเดินบ่อย ๆ ควรตั้งเป้าเพื่อลุกขึ้นเดินหรือไปทำกิจกรรมอย่างอื่นทุก ๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมง สิ่งที่สำคัญคืองดนั่งเป็นเวลานาน ออกกำลังกายในแบบที่ชอบ การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ทราบดีอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์อย่างไร แต่ใช่ว่าทุกคนจะใช้เวลากับการออกกำลังกายเสมอไป บ่อยครั้งที่พบว่าหลายคนนั้นไม่ชอบออกกำลังกายเพราะไม่เจอการออกกำลังในแบบที่ชอบ หากคุณเปลี่ยนไปลองเดินเล่นกับเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยงก่อนหรือหลังเลิกงาน หากิจกรรมสนุก ๆ ทำร่วมกับคนในครอบครัวหรือคนที่คุณรัก และที่สำคัญเมื่อทำสำเร็จต้องรู้จักให้รางวัลตัวเอง เท่านี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกชอบการออกกำลังกายมากขึ้นก็เป็นได้ นอนหลับให้เพียงพอ […]
stroke คือ อาการหลอดเลือดสมองแตกเฉียบพลัน หรือโรคอันเป็นสาเหตุของอาการอัมพาต เป็นภัยเงียบอันตรายที่หากเกิดขึ้นกับใครแล้วอาจส่งผลรุนแรงต่อชีวิตอย่างคาดไม่ถึง อาจทำให้ผู้ป่วยต้องพิการ ปากเบี้ยว ตาบอด หรือสูญเสียการทำงานของสภาพร่างกายไปโดยคาดไม่ถึง ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคนี้เป็นจำนวนถึงประมาณ 500,000 คน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากสำหรับทุกคนที่จะรู้จักสัญญานเตือนของโรคหลอดเลือดสมองเพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงทีก่อนที่จะเกิดอันตรายที่สายเกินแก้ โรคหลอดเลือดสมอง เกิดเนื่องมาจากความดันโลหิตที่สูงผิดปกติ ทำให้หลอดเลือดเปราะแตก พอเลือดเปราะแตกแล้วเนื้อสมองโดยรอบก็ตาย พอเนื้อสมองตายก็ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆทำให้สูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน เป็นอัมพาต หรือรุนแรงที่สุดก็คือเสียชีวิต มักเกิดกับคนวัยกลางคน คนที่เป็นโรคเบาหวาน คนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินมาตรฐาน คนที่สูบบุหรี่จัด ความดันโลหิตสูง มีการดำเนินชีวิตไม่ถูกต้อง หรือกลุ่มคนทำงาน ที่มีความเครียดสูง มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่หัวใจทำงานหนักผิดปกติ เช่น เหนื่อย เครียด ไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลานาน หรือได้รับเรื่องสะเทือนใจอย่างรุนแรงเข้ามากระทบ คล้ายๆกับอาการ heart attack แต่เป็นอาการของ brain attack แทน อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยของโรคหลอดเลือดสมองแตกเฉียบพลันหรือ stroke ได้แก่ มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ตาพร่ามัวข้างหนึ่งโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการชาครึ่งซีก หรือขยับแขนขาข้างหนึ่งไม่ได้ แขนขาอ่อนแรง เดินเซ การทรงตัวไม่ดี หน้าหรือปากเบี้ยว เริ่มขาดความสามารถในการสื่อสารพูดหรือฟังไม่เข้าใจ กลืนอาหารไม่ได้ เมื่อเกิดอาการเหล่านี้เพียง […]
มีอาหารหลายอย่างที่เป็นประโยชน์และสารอาหารสูงสำหรับคนที่มีสุขภาพปกติ แต่อาหารเหล่านั้นอาจเป็นโทษกับคนบางกลุ่มที่ประสบกับโรคบางอย่างอยู่ เช่น หน่อไม้ที่มีกากใยสูงแต่เป็นอาหารแสลงของผู้ป่วยริดสีดวง วันนี้เราเลยเอาอาหารต้องห้าม 15 อย่างที่แสลงกับคนที่มีปัญหาเรื่องไตมาบอกกันค่ะ อาหารต้องห้ามของคนที่มีปัญหาเรื่องไตคืออาหารที่อุดมไปด้วย โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เนื่องจากไตที่บกพร่องและมีไม่แข็งแรงอย่างเดิมนั่นไม่สามารถทำหน้าที่กรองธาตุส่วนเกินเหล่านี้ออกนอกร่างกายได้อย่างปกติ การมีธาตุเหล่านี้มากเกินไปในร่างกายจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ นอกจากนี้ไตยังกรองของเสียจากการย่อยโปรตีนได้ไม่ดีอย่างเดิม จึงควรลดการทานโปรตีนด้วยค่ะ นี่คือปริมาณที่ไม่ควรทานเกินต่อวัน โซเดียม : 2,000 mg/วัน โพแทสเซียม : 2,000 mg /วัน ฟอสฟอรัส : 800-1,000 mg/วัน น้ำอัดลม : นอกจากน้ำตาลสูงปรี๊ด น้ำอัดลมยังมีฟอสฟอรัสสูงมากถึง 50-100 mg ต่อ 200 ml อโวคาโด : อโวคาโดมีปริมาณโพแทสเซียมสูงมาก อโวคาโด 150 g มีโพแทสเซียมถึง 727 mg มากกว่ากล้วยเกือบเท่าตัว อาหารกระป๋อง : มีโซเดียมสูงจากกระบวนการแปรรูปและยืดอายุ ขนมปังโฮลวีต : แม้จะมีประโยนช์แต่มีฟอสฟอรัสและโฟแทสเซียมสูง ข้าวกล้อง […]
1. การทานอาหารเสริมที่มีประโยชน์สำหรับเพิ่มภูมิคุ้มกัน วิตามิน C วิตามินซีเวลากินจะมีการดูดซึมเข้ากระแสเลือด วิตามินซีที่สำคัญอยู่ในเม็ดเลือดขาวมากกว่าในกระแสเลือด วิตามินซีที่อยู่ในเม็ดเลือดขาวจะเข้มข้นกว่าในเลือด 30-50 เท่า เป็นตัวที่ร่างกายเอาไว้สู้กับเชื้อไวรัส ถ้าเมื่อวิตามินซีเข้าไปในเม็ดเลือดขาวเยอะก็จะทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น สู้กับเชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้น วิตามินซีจึงต้องตุนไว้ในร่างกายก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อเราติดแล้วค่อยเติมวิตามินซีเข้าไปก็เหมือนสู้กับไวรัสในตอนท้ายๆ แต่ถ้ามีวิตามินซีตั้งแต่แรกๆ ก็เหมือนมีอาวุธที่เตรียมพร้อมเอาไว้สู้กับไวรัสได้ตั้งแต่ต้น ในเรื่องของอาหาร ควรทานน้ำตาลในปริมาณน้อยๆ ซึ่งน้ำตาลกลูโคสกับวิตามินซีมีโครงสร้างเหมือนกัน เวลาทานน้ำตาลเยอะๆ เม็ดเลือดขาวก็จะรับเข้าไป ซึ่งวิตามินซีทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง แต่น้ำตาลกลูโคสทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้แย่ลง เพราะฉะนั้นน้ำตาลทำให้ภูมิแย่ลง ถ้าอยากให้ภูมิแข็งแรงอย่าทานน้ำตาลเยอะ คนเป็นโรคเบาหวาน โดยมากจะมีน้ำตาลในเลือดสูงอยู่แล้ว ตัวเม็ดเลือดขาวก็มีน้ำตาลสูงด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่เป็นโรคเบาหวานมีภูมิที่ไม่ดีเท่ากับคนทั่วไป วิตามิน D นอกจากดูแลกระดูกและฟันให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเป็นปกติ คนที่ออกกำลังกายหรือร่างกายแข็งแรงเวลาสู้กับเชื้อไวรัสการอักเสบจะน้อยกว่า งานวิจัย พบว่า คนที่เป็นโควิดที่มีอาการหนัก นอนห้องไอซียู ใส่ท่อช่วยหายใจ เมื่อเจาะเลือดดูวิตามินดี ส่วนใหญ่วิตามินดีจะต่ำ ส่วนคนที่ไม่ค่อยมีอาการหรือมีอาการน้อย จะเป็นคนที่มีวิตามินดีสูง เพราะฉะนั้นวิตามินดีสำคัญสำหรับภูมิคุ้มกัน วิตามิน E กับซีลีเนียม (Selenium) เป็นตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานเป็นปกติ แต่คนจะรู้จักน้อยกว่า ในงานวิจัยพบว่า ต้องเป็นวิตามิน E (Mix Tocopherol) […]
ALPHA-LIPOIC ACID (ALA) หรือกรดอัลฟาไลโปอิก จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ได้รับส่วนประกอบของไมโตคอนเดรียซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเซลล์ทุกเซลล์ มีหน้าที่สำคัญในการช่วยเอ็นไซม์ไมโตคอนเดรียย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตไปเป็นพลังงานในร่างกาย และส่งเสริมสุขภาพในด้านอื่นๆ ด้วย กรดอัลฟาไลโปอิกสามารถละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน จึงสามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าไปต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในเซลล์ได้ทุกเซลล์ทั่วร่างกาย สามารถพบได้มากในอาหารจำพวกเนื้อแดง เครื่องในสัตว์ และยังพบได้ในแครอท บีทรูท ผักโขม บล็อกโคลี มันฝรั่ง ฯลฯ และในรูปแบบสังเคราะห์ทานเสริมอาหารค่ะ กรดอัลฟาไลโปอิก มักถูกใช้ในการรักษาภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานเกี่ยวกับเส้นประสาท ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและชาในร่างกาย มีการศึกษาจำนวนหนึ่งพบว่ากรดไขมันชนิดนี้ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันเนื้อเยื่อระบบประสาทไม่ให้เกิดความเสียหายอีกด้วย โรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน โรคเบาหวาน คือ โรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง เกิดจากความผิดปกติในการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยตับอ่อน ถ้าระดับน้ำตาลสูงขึ้นมากจนเกินความสามารถของไตที่จะเก็บไว้ได้แล้ว น้ำตาลส่วนเกินก็จะถูกขับออกมาในปัสสาวะพร้อมกับน้ำ ทำให้ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีรสหวาน โรคนี้จึงถูกเรียกว่า เบาหวาน หากเกิดภาวะเช่นนี้ไปนานๆ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาได้ค่ะ ภาวะแทรกซ้อนหลักๆ ที่พบในผู้ป่วยเบาหวาน ได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนทางเส้นประสาท ซึ่งเป็นภาวะที่พบบ่อยที่สุด คือผู้ป่วยมักมีอาการชาปลายมือปลายเท้า ภาวะแทรกซ้อนทางตา ภาวะแทรกซ้อนทางไต เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบ ฯลฯ เบาหวานเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs […]