อย่างรู้กันว่า ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอยู่ที่ทางเดินอาหารประมาณ 75% เลยทีเดียว ถ้าระบบทางเดินอาหารไม่แข็งแรงอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ในลำไส้ของเราจะมีจุลินทรีย์ที่ดีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็คือ โปรไบโอติก ที่เป็นมิตรต่อลำไส้และสุขภาพ ดีต่อระบบย่อยอาหารและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ในบางคนก็อาจพบเจอระบบทางเดินอาหารหรือมีลำไส้ที่ไม่แข็งแรง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เราจึงมาพูดคุยถึงเรื่องเหตุผลที่ทำให้ลำไส้ของคุณไม่แข็งแรงกันค่ะ 1. ความเครียดและความวิตกกังวล มีผลเสียต่อจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ซึ่งความเครียดทางจิตใจ ทางด้านอารมณ์ สภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ของเรา ทำให้เกิดภาวะ Dysbiosis เป็นภาวะความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ภายในร่างกาย อาจทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน โรคกระเพาะ 2. การนอนหลับไม่เพียงพอและคุณภาพการนอนหลับไม่ดี อาจทำให้เกิดโรค dysbiosis ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง สามารถเป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งโรคเรื้อรัง ไข้หวัด อ่อนเพลียเรื้อรัง 3. อาหารแปรรูปที่มีน้ำตาลและไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ จะไปกระตุ้นให้เชื้อโรคเติบโตมากเกินไป และทำให้จุลินทรีย์ที่ดีแบบโปรไบโอติกไม่เจริญเติบโต ขาดความสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดี 4. การกินยาปฏิชีวนะและยาอื่น ๆ เช่น ยาลดกรดกลุ่ม Proton pump Inhibitors (PPIs) ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจจะไปทำลายแบคทีเรียที่มีประโยชน์ จนอาจก่อให้เกิดภาวะ Dysbiosis เป็นภาวะความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ภายในร่างกาย […]
Author Archives: admin
ความดันโลหิตแบบไหนที่เรียกว่าสูง? ความดันโลหิตแบบไหนที่เรียกว่าดี? ความดันโลหิตที่ดีที่สุดที่จะถือว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด คือ 110/70 ซึ่งความดันมีอยู่ 2 ตัว คือ ความดันตัวบนและความดันตัวล่าง แล้วความดันที่ปกติ คือ ต่ำกว่า 120/80 แต่ถ้าค่าความดันเกิน 120/80 จะถือว่าเป็นความดันสูงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวบนหรือตัวล่างที่สูงก็ตาม เช่น 125/80 คือตัวบนเกินไปแล้ว อย่างนี้ก็ถือว่ามีภาวะเป็นความดันโลหิตสูง หรือ 120/85 คือตัวล่างเกิน ก็ถือว่ามีภาวะเป็นความดันโลหิตสูงเช่นกัน ซึ่งการมีภาวะความดันโลหิตสูงก็ยังไม่ได้จัดเป็นโรคความดันโลหิตสูง แล้วถ้าจัดเป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็คือ ความดันโลหิตแตะที่ 140/90 ที่จะต้องได้รับยาในการรักษา ซึ่ง 10 ข้อในที่นี้ใช้ได้กับคนที่เป็นความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้กินยาก็สามารถลองเอาไปปฏิบัติตามดูได้ หรือว่าคนที่มีความดันโลหิตสูงมากๆ แล้ว กินยาแล้วแต่ก็ยังคุมได้ไม่ดีพอก็สามารถนำไปปฏิบัติดูได้เช่นกัน 1. วัดความดันโลหิตของตัวเอง 5 ครั้ง/วัน โดยวัดในช่วงเช้า สาย บ่าย เย็น และก่อนนอน ในงานวิจัยพบว่า คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและวัดความดันโลหิตด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็ปรับยาจะสามารถคุมความดันโลหิตได้ดีมากกว่าคนที่ไม่ได้วัดความดันโลหิตด้วยตัวเอง แต่ว่าการวัดวันละ 5 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องวัดตลอดไป เป็นการเช็คดูประมาณ […]
ในหลายมักคิดว่า เมื่อเราต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นก็ทานเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น ในคนที่เล่นกล้ามก็จะไปทานโปรตีนจากพวกเวย์โปรตีน จากนม ซึ่งการทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ โปรตีนจากนมนั้นก็มีข้อเสียที่บางคนอาจยังไม่รู้เช่นกัน แต่ในปัจจุบันคนเริ่มหันมาทานโปรตีนจากพืชเพิ่มมากขึ้น ทั้งนักกีฬาต่างๆ เช่น นักกีฬาวิ่ง นักกล้าม คนที่เล่นเวท แล้วพบว่าความแข็งแรง ความเร็ว พละกำลัง ดีขึ้นเมื่อกินโปรตีนจากพืช ทำให้มี Performance ในการเล่นกีฬาได้ดีกว่า แล้วโปรตีนจากสัตว์หรือนมมีข้อเสียอะไรบ้าง วันนี้เราจึงนำข้อเสียของการทานโปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากนมมาฝากกันค่ะ 1. มีไขมันอิ่มตัวสูง ไขมัน คือ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เนื้อสัตว์รสชาติอร่อยถูกปากกว่าพืชผักมาก แต่ก็ตามมาด้วยโทษเช่นกัน ไขมันในเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่แล้วเป็นไขมันอิ่มตัวแล้วถูกจัดว่าอยู่ในไขมันประเภทเลว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจ 2. มีคอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากโปรตีนสัตว์หรือโปรตีนที่มาจากนมจะมีปริมาณคอเลสเตอรอลที่สูงกว่าโปรตีนจากพืชอยู่แล้ว ในโปรตีนพืชจะไม่มีคอเลสเตอรอลเลย 3. ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มาจากนมวัวจะทำให้เกิดภูมิแพ้ได้สูง เพราะโปรตีนที่มาจากนมวัวจะมีเคซีน (Casein) เป็นโปรตีนที่ย่อยยาก ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ง่าย 4. ไตทำงานหนักขึ้น เพราะว่าโปรตีนจากสัตว์หรือโปรตีนจากนมทำให้ร่างกายเป็นกรดมากขึ้น เนื่องจากไตมีหน้าที่ในการขับกรดส่วนเกินออกจากร่างกายจึงทำให้ไตทำงานหนักขึ้น 5. เกิดกระดูกบางกระดูกพรุน คนที่ทานโปรตีนจากสัตว์หรือนมจะทำให้เกิดกระดูกบางกระดุกพรุนมากขึ้น การศึกษาพบว่า ประเทศที่มีทานการนมในปริมาณมาก เช่น ในโซนยุโรปหรืออเมริกา เมื่อเทียบกับประเทศที่กินทานนมวัวน้อย เช่น ประเทศญี่ปุ่น พบว่า […]
การตรวจสุขภาพในแต่ละครั้งมักจะมี 7 ค่าเลือดสำคัญที่คนส่วนมากไม่ได้ตรวจ แล้วโดยทั่วไปก็จะไม่มีในแพ็คเก็จตรวจสุขภาพ ซึ่งค่าเลือดเหล่านั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อสุขภาพของเรา วันนี้เราจึงพามารู้จักกับ 7 ค่าเลือดที่สำคัญที่เราควรตรวจกันค่ะ 1. ค่า CRP (C-Reactive Protein) เป็นค่าที่บ่งบอกการอักเสบของร่างกาย บ่งบอกการอักเสบของหลอดเลือด โดยสมาคมโรคหัวใจที่อเมริกา (AHA) กำหนดค่านี้ว่า เป็นค่าที่บ่งบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ด้วย ซึ่งค่านี้ถ้าต่ำกว่า 1 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถ้าอยู่ในช่วง 1-3 ถือเป็นค่ากลางๆ แต่ถ้ามากเกินกว่า 3 ขึ้นไปถือว่ามีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหัวใจ หากค่า CRP สูง หลอดเลือดจะยิ่งอักเสบ คอเลสเตอรอลจะยิ่งไปเกาะ แต่ถ้าคอเลสเตอรอลสูงแล้วค่า CRP ไม่ได้สูงตาม หลอดเลือดไม่ได้มีการอักเสบ โอกาสที่คอเลสเตอรอลไปเกาะก็จะลดลง แต่หากตรวจแล้วค่า CRP สูงเกิน 3 หรือบางคนเกิน 5 ถือว่า อันตรายเป็นอย่างมาก ข้อแนะนำ คือ ดูน้ำตาล เพราะน้ำตาลเป็นพิษต่อหลอดเลือดโดยตรง เป็นตัวหลักที่ทำให้หลอดเลือดอักเสบ ดังนั้นคนเป็นเบาหวานส่วนมากค่า CRP จะสูง เพราะมีน้ำตาลสูงจึงควรไปคุมน้ำตาลเพื่อไม่ให้น้ำตาลไปทำให้หลอดเลือดอักเสบ […]
หลายคนมีความเชื่อว่าการรักษาความดันโลหิตสูงจะต้องทานยาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ความจริงแล้วการรักษาความดันโลหิตสูงมีวิธีอื่นๆ นอกจากทานยา และสามารถลดความดันได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย 1. มีเครื่องวัดความดันที่บ้าน การวัดความดันที่บ้านสามารถบ่งบอกความดันของผู้ป่วยได้ดีกว่าวัดที่โรงพยาบาล เนื่องจากเราอยู่บ้านเป็นประจำสามารถตรวจได้บ่อยมากกว่า แนะนำให้วัดความดันทุกวัน 2 ช่วงเวลา คือ หลังตื่นนอนตอนเช้า 1 ชั่วโมง และก่อนนอน หากใครที่รักษาด้วยการทานยาควรวัดก่อนทานยา 2.ออกกำลังกาย ออกกำลังกายให้รู้สึกแค่เหนื่อยเพียงเล็กน้อย ไม่หักโหมเกินไป อาจเป็นการออกกำลังกายประเภทแอโรบิก เดินเร็ว หรือจ็อกกิ้ง ตามความเหมาะสมของร่างกาย แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที แต่หากวัดความดันแล้วสูงเกินกว่า 180/100 มิลลิเมตรปรอท ควรงดออกกำลังกายและปรึกษาแพทย์ 3. ลดเค็ม ลดโซเดียม การกินเค็มทำให้ความดันเพิ่มขึ้นได้ และทำให้ไม่สามารถควบคุมความดันได้ ลดเค็ม คือ ลดเกลือโซเดียมให้ต่ำกว่า 2 กรัม/วัน เทียบกับกับเกลือแกงเท่ากับ 1 ช้อน/วัน เทียบกับซีอิ๊ว ซอสปรุงรส น้ำปลา เท่ากับ 4 ช้อน/วัน นอกจากเครื่องปรุงต่างๆ แล้ว อาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง ของหมักดองต่าง […]
ความดันโลหิตสูง ฉีดวัคซีนโควิดได้ไหม – ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่อยู่ในภาวะคงที่สามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ทันที เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อโควิด 19 ขึ้นมา – ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมีอาการยังไม่เสถียร หรือยังมีอาการที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น มีความดันโลหิตตัวบนมากกว่าหรือเท่ากับ 180 มิลลิเมตรปรอท หรือยังต้องเข้าพักรักษาในโรงพยาบาล ไม่ควรฉีดวัคซีน ต้องควบคุมอาการให้คงที่ก่อนจึงสามารถฉีดได้ เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดวัคซีนโควิด สำหรับการเตรียมตัวของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ได้แตกต่างจากการเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิดของบุคคลทั่วไปมากนัก โดยมีข้อแนะนำตามนี้ค่ะ ควบคุมความดันโลหิตของตัวเองไม่ให้เกินเกณฑ์ หากมีความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ กินยาลดความดันโลหิตและยาประจำตัวอื่น ๆ ได้ตามปกติไม่ควรหยุดยาเองหรือปรับยาเพื่อฉีดวัคซีน เว้นแต่กรณีที่แพทย์แนะนำให้หยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ผลลัพธ์ของวัคซีนแม่นยำขึ้น กรณีกินยาต้านเกล็ดเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ระดับ INR (ค่าการแข็งตัวของเลือด) ไม่ควรเกิน 3 เท่า ดื่มน้ำอย่างน้อย 3-5 แก้ว ในช่วง 12 ชั่วโมง ก่อนฉีดวัคซีน เพื่อช่วยให้หลอดเลือดขยาย การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น คืนก่อนฉีดวัคซีนควรนอนให้หลับ พักผ่อนให้เพียงพอ กินยาให้ครบ ถ้ากังวลมากอาจรับประทานยาคลายกังวลก่อนนอน เช้าวันฉีดวัคซีนควรกินอาหารเช้า กินยา ดื่มน้ำให้เรียบร้อย สามารถดื่มกาแฟได้ตามปกติถ้าเป็นคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้ามีไข้ มีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน สวมเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการฉีดวัคซีนบริเวณต้นแขน […]