เคยสงสัยไหมคะ ว่าทำไมบางคนอายุเท่ากัน แต่กลับดูแก่กว่าหรืออ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด หรือบางทีเราเองก็รู้สึกว่าร่างกายไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าเหมือนคนในวัยเดียวกัน นั่นเป็นเพราะว่า “อายุ” ของเราไม่ได้มีแค่ตัวเลขที่นับตามวันเกิดเท่านั้นค่ะ แต่ยังมีอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญอย่าง “อายุชีวภาพ” ที่สะท้อนสุขภาพที่แท้จริงของร่างกายเราอยู่ มาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่าค่ะ เพื่อที่เราจะได้ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีและมี Longevity หรือการมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพไปนานๆ ค่ะ อายุตามเวลา (Chronological Age) คืออะไร อายุตามเวลา คือ อายุที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นตัวเลขที่นับจากวัน เดือน ปีเกิดของเราทุกคนค่ะ ซึ่งอายุนี้จะเพิ่มขึ้นเท่ากันในทุกคนและเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป็นเพียงตัวเลขที่บอกว่าเราใช้ชีวิตบนโลกใบนี้มานานแค่ไหนแล้วเท่านั้นเองค่ะ อายุชีวภาพ (Biological Age) คืออะไร ในทางกลับกัน อายุชีวภาพ คือ อายุที่แท้จริงของร่างกายเราที่สะท้อนถึงสุขภาพและความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ โดยจะวัดจากสภาพร่างกาย การทำงานของอวัยวะ และการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ อายุชีวภาพ ของคนที่มีสุขภาพดีอาจจะน้อยกว่าหรือเท่ากับอายุจริง แต่ถ้าหากอายุชีวภาพมากกว่าอายุจริง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายของเรากำลังเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ ทำไมเราต้องสนใจอายุชีวภาพมากกว่าอายุจริง เพราะ อายุชีวภาพ เป็นตัวบ่งชี้สุขภาพที่แท้จริงของเราได้ดีกว่าอายุตามเวลาค่ะ การมีอายุชีวภาพที่น้อยกว่าอายุจริงหมายความว่าเราดูแลสุขภาพได้ดี ซึ่งจะส่งผลให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรงมากขึ้น หรือก็คือการเพิ่มโอกาสในการมี Longevity นั่นเอง ในทางตรงกันข้าม ถ้าอายุชีวภาพมากกว่าอายุจริง ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเรามีความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น […]
Author Archives: admin
ลิ่มเลือดอุดตันเป็นภาวะที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น หลอดเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) หรือ เส้นเลือดสมองตีบ (Stroke) ซึ่งหนึ่งในตัวบ่งชี้สำคัญที่ช่วยตรวจสอบความเสี่ยงนี้คือ ค่า D-dimer D-dimer คืออะไร? D-dimer เป็นโปรตีนที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสลายลิ่มเลือด หากตรวจพบค่า D-dimer สูง แสดงว่าร่างกายอาจมีลิ่มเลือดมากผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ใครบ้างที่ควรตรวจค่า D-dimer? ผู้ที่มีอาการสงสัยว่ามีลิ่มเลือดอุดตัน เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ขาบวมแดง หรือปวดขาโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 หรือเพิ่งฉีดวัคซีนโควิด บางรายพบว่ามีความเสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตันเพิ่มขึ้น ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่นั่งหรือนอนเป็นเวลานาน ผู้ที่มีภาวะอ้วน หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่รับฮอร์โมนทดแทน ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ หรือโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือด ค่า D-dimer สูง บ่งบอกถึงอะไร? หากตรวจพบค่า D-dimer สูง อาจหมายถึง มีการก่อตัวของลิ่มเลือดในร่างกายมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ […]
ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและมลภาวะ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นกว่าที่เคย และหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมคือ IHHT หรือ Intermittent Hypoxia-Hyperoxia Training ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยฝึกฝนร่างกายในระดับเซลล์ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและฟื้นฟูสุขภาพจากภายใน IHHT คืออะไร? IHHT เป็นการบำบัดที่ให้ร่างกาย หายใจสลับกันระหว่างอากาศที่มีออกซิเจนต่ำ (Hypoxia) และ ออกซิเจนสูง (Hyperoxia) โดยใช้เครื่องมือควบคุมพิเศษ ใช้เวลาเพียงสั้นๆ โดยที่ผู้รับการบำบัดเพียงแค่นั่งพัก ไม่ต้องออกแรงกายเหมือนการออกกำลังกายจริง ช่วง Hypoxia: หายใจในอากาศที่มี O₂ ต่ำ (9–15%) เหมือนอยู่บนภูเขาสูง ช่วง Hyperoxia: หายใจอากาศที่มี O₂ สูง (30–40%) ช่วงปกติ: กลับมาหายใจอากาศธรรมดา (21%) การสลับสภาวะเช่นนี้เป็นการ “ฝึกเซลล์” ให้ทนทานต่อความเปลี่ยนแปลง และกระตุ้นระบบซ่อมแซมของร่างกาย IHHT ทำงานอย่างไร? หัวใจสำคัญของ IHHT คือการเสริมสร้างและคัดกรอง ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) หรือ “โรงไฟฟ้าของเซลล์” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ Longevity ของเซลล์ […]
เสริมภูมิคุ้มกันไปถึงระดับเซลล์ด้วย โอโซนบำบัด H.O.T (Hematogenous Oxidation Therapy) วิธีการนี้ช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว และกำจัดเชื้อโรคที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย พร้อมทั้งช่วยให้เซลล์สร้างพลังงานได้มากขึ้น ทำให้รู้สึกสดชื่น แข็งแรง ฟื้นฟูร่างกายจากภายใน ซึ่งเป็นการสนับสนุนสุขภาพในระยะยาวและส่งเสริม Longevity อย่างมีประสิทธิภาพ ประโยชน์ของโอโซนบำบัด เพิ่มประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยการลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกาย เพิ่มความยืดหยุ่นของเซลล์เม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง จึงทำให้เม็ดเลือดสามารถเคลื่อนตัวผ่านไปยังหลอดเลือดฝอยเล็กๆ ได้เพิ่มขึ้น มีประโยชน์ในการรักษาแผลเบาหวานเรื้อรัง และแผลกดทับ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อจัดการสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และกระตุ้นการทำงานของ NK cells ช่วยให้ร่างกายและเซลล์มีพลังงานมากขึ้น เนื่องจากเพิ่มการผลิตพลังงานใน mitochondria จึงช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย และเพิ่มสมรรถภาพการออกกำลังกายในกลุ่มนักกีฬา กระตุ้นร่างกายให้สร้างเอนไซม์เพื่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริม Longevity โอโซนบำบัดเหมาะกับใคร ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดหรือมีภาวะติดเชื้อ ผู้ป่วยโรคตับอักเสบ เริม งูสวัด ผู้ที่มีปัญหาแผลเรื้อรัง เช่น แผลเบาหวาน แผลกดทับในผู้ป่วยที่ต้องนอนนิ่งๆ เป็นเวลานาน แผลจากการรักษาด้วยรังสี โรคที่เกี่ยวกับเชื้อราต่างๆ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งถูกกำจัดไปโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ ลมพิษ […]
หลายคนกังวลว่าโรคทางพันธุกรรมที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความจริงแล้ว… ยีนไม่ใช่ตัวกำหนดชะตาสุขภาพของเราทั้งหมด แม้เราจะได้รับยีนของโรคบางอย่างมาจากพ่อแม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องป่วยเสมอไป เพราะร่างกายมีกลไกที่น่าทึ่งอย่าง “Epigenetics” (ภาวะเหนือพันธุกรรม) คอยทำหน้าที่เป็นเหมือน “สวิตช์” เปิด-ปิดการทำงานของยีนอีกชั้นหนึ่ง การทำความเข้าใจเรื่องนี้จะทำให้คุณค้นพบว่า เราสามารถออกแบบสุขภาพและสร้างชีวิตในแบบที่ต้องการ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการมี Longevity หรือการมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ได้มากกว่าที่เคยคิด มาทำความรู้จักกับ Epigenetics ให้มากขึ้นกันค่ะ! Epigenetics คืออะไร? Epigenetics (อ่านว่า เอ-พิ-เจ-เน-ติกส์) คือการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีน โดยที่ไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงรหัสหรือโครงสร้างของดีเอ็นเอ (DNA) โดยตรงค่ะ หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกดูนะคะว่า DNA ของเราเปรียบเสมือน “บทละคร” ที่เราได้รับมาตั้งแต่เกิด แต่ Epigenetics คือ “ผู้กำกับ” ที่จะคอยสั่งว่านักแสดง (ยีน) คนไหนจะได้ออกไปแสดงบทบาทอะไร หรือนักแสดงคนไหนต้องอยู่หลังเวทีก่อน ดังนั้น แม้ว่าเราจะมียีนที่อาจทำให้เสี่ยงต่อโรคบางชนิด แต่ถ้า “ผู้กำกับ” หรือ Epigenetics ไม่สั่งให้ยีนนั้นทำงาน โรคนั้นก็อาจจะไม่ปรากฏอาการออกมานั่นเองค่ะ เรื่องนี้บอกเราว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเรามีผลอย่างมากต่อการเปิดหรือปิดยีนเหล่านี้นะคะ กลไกการทำงานหลักของ […]
ในยุคที่คนเริ่มพูดถึงการมีอายุยืนถึง 100 หรือแม้แต่ 120 ปี คำถามสำคัญไม่ใช่ว่า “เราจะอยู่ได้นานแค่ไหน” แต่คือ “เราจะอยู่แบบไหน” ต่างหาก เพราะการมีชีวิตยืนยาวนั้นไร้ความหมาย หากช่วงสุดท้ายของชีวิตต้องจบลงด้วยโรคภัยและความทุกข์ทรมาน Longevity หรือการมีสุขภาพดีไปจนถึงวาระสุดท้ายต่างหากคือเป้าหมายที่แท้จริง จากข้อมูลในปี 2025 อายุเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 81 ปีสำหรับผู้หญิง และ 74 ปีสำหรับผู้ชาย แต่ช่วง 10-15 ปีสุดท้ายของชีวิต หลายคนกลับต้องใช้เวลาอยู่กับความเจ็บป่วย เราจึงอยากชวนให้ทุกคนเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า “อยู่กี่ปีก็ไม่สำคัญเท่ากับอยู่โดยไม่ป่วย” หากอยากมีชีวิตที่ยืนยาวและเปี่ยมด้วยคุณภาพ ควรเริ่มดูแล 3 ระบบหลักของร่างกาย ดังนี้ 1. ระบบหัวใจและหลอดเลือด – ศูนย์กลางการหล่อเลี้ยงชีวิต หัวใจและหลอดเลือดทำหน้าที่สูบฉีดเลือด ออกซิเจน และสารอาหารไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย หากระบบนี้เสื่อมลง ย่อมส่งผลให้อวัยวะอื่นทำงานได้ไม่เต็มที่ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคไต หากหัวใจเริ่มทำงานแย่ลง ค่าการทำงานของไตก็จะถดถอยตามไปด้วย ดังนั้นหัวใจและหลอดเลือดต้องแข็งแรงเป็นอันดับแรก การดูแลหัวใจเริ่มจากการป้องกันหลอดเลือดอุดตัน เช่น ตรวจเช็ก Calcium Score เป็นประจำ ควบคุมไขมันในเลือด […]
รู้ไหมคะว่าการออกกำลังกายที่ “เหมาะสม” กับร่างกายของคุณนั้นต่างจากคนอื่นมาก? บางคนวิ่งแค่ 10 นาทีหัวใจก็เต้นแรง หอบหายใจไม่ทันแล้ว ในขณะที่บางคนวิ่งครึ่งชั่วโมงยังรู้สึกสบายๆ นี่เป็นเพราะแต่ละคนมีสมรรถภาพร่างกายที่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะค่าที่เรียกว่า “VO2 Max” ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความฟิตของร่างกายที่นักกีฬามืออาชีพทั่วโลกใช้กัน และยังมีประโยชน์มากสำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำหรือแม้แต่คนรักสุขภาพทั่วไปค่ะ VO2 Max คืออะไร? VO2 Max เป็นค่าที่วัดอัตราการใช้ออกซิเจนสูงสุดของร่างกายในขณะที่เราออกกำลังกายหนักที่สุด (Maximal Oxygen Consumption) ค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าเป็น “เครื่องวัดความฟิต” ที่บอกว่าร่างกายของเราสามารถนำออกซิเจนไปใช้สร้างพลังงานได้ดีแค่ไหน ยิ่งค่า VO2 Max สูง แสดงว่าร่างกายสามารถใช้ออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นหมายถึงความทนทานและสมรรถภาพร่างกายที่ดีด้วยค่ะ VO2 Max จึงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของสุขภาพโดยรวมและการมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Longevity) วิธีการวัด VO2 max โดยทั่วไปแล้ว การวัดค่า VO2 max จะทำโดยการทดสอบในห้องปฏิบัติการ เรียกว่า “Cardiopulmonary Exercise Test” หรือ CPET โดยให้ออกกำลังกายบนลู่วิ่งไฟฟ้าหรือจักรยานออกกำลังกาย พร้อมกับการวัดปริมาณออกซิเจนที่หายใจเข้าและออกขณะออกกำลังกายอย่างหนัก (โดยค่านี้มีหน่วยเป็นมิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว […]
Red Light Therapy (RLT) คือการบำบัดด้วยแสงสีแดง โดยใช้แสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นต่ำส่องลงบนผิวหนังของเรา เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ริ้วรอยดูจางลง ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน แถมยังช่วยลดการอักเสบของผิวอีกด้วยนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดีขึ้น และใส่ใจในเรื่องของ Longevity (การมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ) รวมถึงลดปัญหาสิวค่ะ Red Light Therapy ทำงานอย่างไร? แสงสีแดงจะไปกระตุ้นไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งเป็นส่วนประกอบเล็กๆ ภายในเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้กับเซลล์ของเรา เปรียบเสมือน “โรงไฟฟ้า” ของเซลล์เลยค่ะ เมื่อไมโทคอนเดรียได้รับพลังงานมากขึ้น เซลล์ต่างๆ ก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การซ่อมแซมตัวเอง สร้างเซลล์ใหม่ และฟื้นฟูสภาพผิว โดยมีกระบวนการดังนี้ค่ะ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: แสงสีแดงจะส่งผลให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างและความยืดหยุ่นให้แก่ผิวของเรา ช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นค่ะ เพิ่มการผลิตไฟโบรบลาสต์: ไฟโบรบลาสต์เป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เมื่อได้รับแสงสีแดง ไฟโบรบลาสต์จะทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้นค่ะ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต: แสงสีแดงช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังบริเวณที่ได้รับการบำบัด ทำให้เซลล์ได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ส่งผลให้การซ่อมแซมตัวเองและการสร้างเซลล์ใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ลดการอักเสบ: แสงสีแดงมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดริ้วรอยและความเสื่อมของผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและลดการระคายเคือง โดยสรุปแล้ว Red […]
การนอนหลับมีความสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายไม่แพ้ไปกว่าการรับประทานอาหาร การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับที่มีคุณภาพ แต่ทราบไหมคะว่าพฤติกรรมบางอย่างที่เราทำเป็นประจำก่อนเข้านอน ก็อาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับได้ไม่ใช่น้อยเลย หากใครประสบปัญหานอนไม่ค่อยหลับ หลับไม่สนิท หลับๆ ตื่นๆ ตลอดทั้งคืน หรือตื่นมาแล้วไม่สดชื่น ก็ลองมาสังเกตุตัวเองกันดูนะคะ เพื่อคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น พฤติกรรมที่ “ไม่ควรทำ” ก่อนนอน ทานอาหารมื้อหนักๆ หรืออาหารที่ย่อยยากก่อนนอน 4 ชั่วโมงเนื่องจากร่างกายจะต้องทำงานหนักในการย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกแน่นท้อง ส่งผลให้นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หรือมีอาการกรดไหลย้อนได้ ถ้าท้องว่างให้เลือกทานอาหารเบาๆ เช่น ขนมปังชิ้นเล็ก หรือน้ำขิงอุ่นๆ จะดีกว่าค่ะ ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชาที่มีคาเฟอีน น้ำอัดลม เพราะคาเฟอีนจะไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นตัว ส่งผลให้นอนหลับยาก หลับไม่สนิทได้ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลายคนคิดว่าแอลกอฮอล์ช่วยให้หลับง่ายเพราะมีฤทธิ์กดประสาท แต่จริงๆ แล้วหากดื่มมากเกินไป ก็อาจจะทำให้มีอาการหลับๆ ตื่นๆ ฝันร้าย และกระสับกระส่ายกลางดึกได้ ออกกำลังกายหนักๆ เพราะการออกกำลังกายหนักๆ ก่อนเข้านอน เช่น คาดิโอ จะส่งผลให้ร่างกายเกิดการกระตุ้นเผาผลาญพลังงานและหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นประสาท ทำให้ร่างกายตื่นตัวและนอนหลับไม่สนิทได้ ก่อนนอนจึงควรออกกำลังกายเบาๆ อย่างการยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือโยคะจะส่งผลดีมากกว่าค่ะ เล่นมือถือ […]
ใครที่กำลังเข้าสู่วัย 30 หรือเลยมาแล้ว อาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น น้ำหนักขึ้นง่าย อ่อนเพลียง่าย หรือมีอาการปวดเมื่อย นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามวลกล้ามเนื้อของคุณกำลังลดลง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพในระยะยาว การสร้างกล้ามเนื้อจึงไม่ใช่แค่เรื่องของคนรักการออกกำลังกาย แต่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการมีสุขภาพดีในระยะยาวค่ะ ทำไมต้องสร้างกล้ามเนื้อหลังอายุ 30? เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มสูญเสียมวลกล้ามเนื้อโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะหลังอายุ 40 จะสูญเสียไปประมาณ 1-2% ต่อปี ภาวะนี้เรียกว่า “ซาร์โคพีเนีย” (Sarcopenia) ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน ดังนี้ อัตราการเผาผลาญลดลง: ทำให้อ้วนง่าย เสี่ยงต่อโรคอ้วนและเมตาบอลิกซินโดรม การเคลื่อนไหวและการทรงตัวลดลง: เสี่ยงต่อการหกล้ม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ อาจต้องพึ่งพาผู้อื่นในการทำกิจวัตรประจำวันมากขึ้น: เช่น ลุกนั่ง เดินขึ้นบันได ความเสี่ยงกระดูกหักสูงขึ้น: กล้ามเนื้อน้อยลงทำให้รับแรงกระแทกได้ไม่ดี ดังนั้น การป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อควรเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย อย่ารอให้ร่างกายอ่อนแอก่อนค่อยเริ่มนะคะ รู้จักชนิดกล้ามเนื้อเพื่อการออกกำลังกายที่ตรงจุด กล้ามเนื้อแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ตามลักษณะการทำงาน ได้แก่ 1. กล้ามเนื้อสีแดง (Slow-twitch/Type I) : กล้ามเนื้อชนิดนี้มีเส้นเลือดฝอยและไมโอโกลบินจำนวนมาก ทำให้มีสีแดง สามารถทำงานได้นาน […]