ความเสี่ยง และ วิธีป้องกัน Stroke (สโตรก) หลอดเลือดในสมองตีบ
Stroke หรือ “โรคหลอดเลือดสมอง” เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้เซลล์สมองบางส่วนตายและสูญเสียการทำงานไป หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็อาจทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้ บทความนี้ ทีมแพทย์ “Health Focus Clinic” จะมาเจาะลึกถึงปัจจัยเสี่ยงและวิธีการป้องกัน Stroke โดยเฉพาะสาเหตุจาก “เส้นเลือดสมองตีบ” ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด เพื่อให้ทุกคนตระหนักและเริ่มต้นดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง
“สโตรก คือ” อะไร
“Stroke (สโตรก) คือ” ภาวะที่สมองได้รับความเสียหายอย่างเฉียบพลัน เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้เซลล์สมองบริเวณนั้นๆ ตายภายในเวลาอันสั้น ซึ่งมีผลทำให้ความสามารถในการเคลื่อนไหว การพูด ความคิดความเข้าใจ หรือการรับรู้ผิดปกติไป ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อสมองส่วนใดได้รับผลกระทบ “อาการสโตรก” มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้านานนัก ผู้ป่วยจึงมักจะไม่ทันตั้งตัว และเข้ารับการรักษาล่าช้า ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีอาการรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด “โรคหลอดเลือดสมอง”
ปัจจัยที่มีผลเพิ่มโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่
- อายุ ยิ่งสูงอายุ ความเสี่ยงก็จะยิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป
- เพศ ผู้ชายมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะวัยกลางคนขึ้นไป
- พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเคยเป็น Stroke มาก่อน ก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า
- ความดันโลหิตสูง จะทำให้หลอดเลือดสมองเสื่อมและแตกง่าย
- เบาหวาน น้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานจะทำลายผนังหลอดเลือดและเพิ่มการสร้างคราบไขมัน
- ระดับไขมันในเลือดที่ผิดปกติ ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง และคอเลสเตอรอลชนิดร้ายสูง เป็นต้น
- การสูบบุหรี่ จะทำให้หลอดเลือดตีบแคบ เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ และลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย
- การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะเป็นการเพิ่มความดันโลหิต นำไปสู่ความเสียหายของหลอดเลือดสมอง
- โรคอ้วนลงพุง ผู้ที่มีเส้นรอบเอวเกินเกณฑ์มาตรฐาน จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูง
- การใช้ยาคุมกำเนิดในสตรีวัยทองที่สูบบุหรี่ร่วมด้วย จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นไปอีก
ใครมีความเสี่ยงต่อการเกิด “เส้นเลือดสมองตีบ”
คนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด Stroke จาก “หลอดเลือดสมองตีบ” ได้แก่
- ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็น Stroke หรือหัวใจวาย
- ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน โรคอ้วนลงพุง
- ผู้ที่สูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผนังหัวใจห้องบนซ้ายหนา
- ผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ทำงานนั่งโต๊ะนานๆ
- ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
“อาการสโตรก” ที่ต้องระวัง
“อาการสโตรก” ที่พบบ่อยและควรสังเกต มีดังนี้
- อ่อนแรงหรือชาที่ใบหน้า แขน ขา โดยเฉพาะครึ่งซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
- พูดลำบาก ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด หรือพูดไม่ออก
- มองเห็นภาพซ้อน ตามัว หรือตาข้างใดข้างหนึ่งมองไม่เห็น
- เดินเซ หน้ามืด เวียนศีรษะ ทรงตัวลำบาก
- ปวดหัวรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ คลื่นไส้อาเจียน
หากพบอาการข้างต้น ต้องโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อส่งตัวไปรับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลใหญ่ ที่มีระบบ “Stroke fast track” โดยเร็วที่สุด
“Stroke fast track” คืออะไร
“Stroke fast track” คือระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการสงสัยเข้าได้กับ “โรคหลอดเลือดสมอง” ที่ต้องให้การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาอย่างรวดเร็วทันท่วงที ภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ ทั้งนี้เพื่อหวังผลในการลดความรุนแรงของโรค ป้องกันความพิการ และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วย
การป้องกัน Stroke จาก “เส้นเลือดสมองตีบ” ทำได้อย่างไร
แนวทางการป้องกัน “โรคหลอดเลือดสมอง” จากการตีบตันของเส้นเลือด มีดังนี้
- คัดกรองความเสี่ยงตั้งแต่อายุ 35-40 ปีขึ้นไป โดยการตรวจสุขภาพประจำปี
- ควบคุมโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ให้อยู่ในระดับปกติ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินแบบ DASH คือ กินผัก ผลไม้ ธัญพืช ไขมันดี ลดอาหารเค็ม หวาน มัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอและเพียงพอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที
- ลดน้ำหนัก รักษารูปร่างให้เหมาะสม เส้นรอบเอวไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน
- เลิกสูบบุหรี่ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- จัดการความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง
- ตรวจร่างกายประจำปี เพื่อประเมินความเสี่ยงและคัดกรองโรค
นอกจากนี้ ปัจจุบัน “Health Focus Clinic” ยังมีโปรแกรมป้องกันและลดความเสี่ยง Stroke ซึ่งเป็นการผสมผสานแนวคิด Anti-aging กับเวชศาสตร์ชะลอวัย เข้ามาใช้ในการดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และวิถีชีวิต เพื่อฟื้นฟูให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำ พร้อมชะลอวัยได้อย่างเป็นองค์รวม ภายใต้การดูแลด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะ “โรคหลอดเลือดสมอง” นั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ถ้าเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นมา ต้องไปพบแพทย์ตรวจโดยเร็วที่สุด อย่าประมาทกันนะครับ