Red Light Therapy (RLT) คือการบำบัดด้วยแสงสีแดง โดยใช้แสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นต่ำส่องลงบนผิวหนังของเรา เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ริ้วรอยดูจางลง ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน แถมยังช่วยลดการอักเสบของผิวอีกด้วยนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดีขึ้น และใส่ใจในเรื่องของ Longevity (การมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ) รวมถึงลดปัญหาสิวค่ะ
Red Light Therapy ทำงานอย่างไร?
แสงสีแดงจะไปกระตุ้นไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ซึ่งเป็นส่วนประกอบเล็กๆ ภายในเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้กับเซลล์ของเรา เปรียบเสมือน “โรงไฟฟ้า” ของเซลล์เลยค่ะ เมื่อไมโทคอนเดรียได้รับพลังงานมากขึ้น เซลล์ต่างๆ ก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การซ่อมแซมตัวเอง สร้างเซลล์ใหม่ และฟื้นฟูสภาพผิว โดยมีกระบวนการดังนี้ค่ะ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: แสงสีแดงจะส่งผลให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างและความยืดหยุ่นให้แก่ผิวของเรา ช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นค่ะ
- เพิ่มการผลิตไฟโบรบลาสต์: ไฟโบรบลาสต์เป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เมื่อได้รับแสงสีแดง ไฟโบรบลาสต์จะทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้นค่ะ
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิต: แสงสีแดงช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังบริเวณที่ได้รับการบำบัด ทำให้เซลล์ได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ส่งผลให้การซ่อมแซมตัวเองและการสร้างเซลล์ใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
- ลดการอักเสบ: แสงสีแดงมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดริ้วรอยและความเสื่อมของผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและลดการระคายเคือง
โดยสรุปแล้ว Red Light Therapy ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- การสมานแผล: ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดรอยแผลเป็น
- ลดเลือนริ้วรอย: ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย หรือรอยเส้นเล็กๆ และจุดด่างดำ
- ปรับปรุงสภาพผิว: ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม กระชับ รูขุมขนเล็กลง
- รักษาโรคผิวหนัง: ช่วยบรรเทาอาการของโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ
- ฟื้นฟูผิวเสีย: ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดด มลภาวะ หรือการรักษาอื่นๆ
- รักษาสิว: ช่วยลดการอักเสบของสิว และป้องกันการเกิดสิวซ้ำ
นอกจากนี้ Red Light Therapy ยังมีการนำไปใช้ในการรักษาอาการปวดและอักเสบได้อีกด้วยนะคะ และด้วยคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการดูแลสุขภาพเพื่อ Longevity แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองการรักษาสำหรับโรคบางชนิด เช่น มะเร็งหรือโรคซึมเศร้า ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มกระบวนการก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของเรามากที่สุดค่ะ
ข้อดีของ Red Light Therapy
- ไม่เจ็บ: การบำบัดนี้ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวความเจ็บค่ะ
- ปลอดภัยต่อผิว: ไม่ทำให้ผิวเสียหายหรือระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายค่ะ
- ไม่ต้องพักฟื้น: หลังการบำบัดสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องหยุดพักหรือหลีกเลี่ยงการออกแดดค่ะ
- สะดวกสบาย: มีอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้เองที่บ้าน เช่น แท่งไฟหรือหน้ากาก ทำให้สามารถดูแลผิวได้ด้วยตัวเองค่ะ
ข้อควรรู้ก่อนเริ่มบำบัด
โดยทั่วไปแล้ว การบำบัดด้วยแสงสีแดงถือว่าปลอดภัยเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและถูกวิธี แต่หากใช้แสงในระดับสูง หรือใช้งานไม่ถูกต้อง ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ค่ะ นอกจากนี้ การใช้ Red Light Therapy ในระหว่างตั้งครรภ์ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อมูลวิจัยในด้านนี้อย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาเบื้องต้นในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์จำนวน 380 รายพบว่า การบำบัดด้วยแสงสีแดงไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ค่ะ
สรุป
Red Light Therapy เป็นการบำบัดด้วยแสงสีแดงที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อ Longevity ข้อดีคือเป็นวิธีที่ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ก่อนเริ่มก็ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเพื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับการบำบัดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุดนะคะ
ที่มา:
https://my.clevelandclinic.org/…/22114-red-light-therapy
https://www.phyathai.com/th/article/3846-บำบัดผิวด้วยการฉายแสง
https://thestandard.co/life/red-light-therapy/
https://www.webmd.com/skin-problems-and…/red-light-therapy
#healthfocusclinic #ลดริ้วรอย #RedLightTherapy #Longevity