โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) รู้เร็ว รักษาทัน

โรคหลอดเลือดสมอง

การรู้เร็วและรักษา “โรคหลอดเลือดสมอง” หรือ “สโตรก (Stroke)” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก “สโตรก (Stroke)” เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายถาวรแก่สมองและร่างกาย การรู้เร็วและได้รับการรักษาทันทีสามารถช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ป่วย และเพิ่มโอกาสให้กลับสู่สุขภาพอย่างปกติได้มากขึ้น

บทความนี้จะพาทุกท่านมาเรียนรู้ขั้นตอนที่ควรทำเมื่อเราสงสัยว่ามีคนเสี่ยงต่อการเป็น “สโตรก (Stroke)” หรือเจอคนที่เป็น “สโตรก (Stroke)” ครับ

พบเจอผู้ป่วยที่มี “อาการสโตรก” รีบทำดังนี้

1. ระบุอาการ : “สโตรก (Stroke)” มักเป็นอาการเฉียบพลัน ควรระบุอาการต่อพยาบาลหรือแพทย์ทันที เรียกว่า “FAST”

2. โทรศัพท์ฉุกเฉิน : หากคุณเสียเวลาในการพิจารณาอาการหรือมีความเสี่ยงให้โทรศัพท์ฉุกเฉินทันที (191 หรือ 1669) และรายงานสถานที่ของคุณและอาการที่คุณรู้สึก พยาบาลหรือแพทย์จะให้คำแนะนำเพิ่มเติม

3. ห้ามรักษาด้วยตนเอง : อย่าพยายามรักษา “Stroke” ด้วยตนเอง ตัวอย่างนะครับ การใช้ยาลดความดันหรือยาละลายลิ่มเลือดเองโดยไม่ขอคำปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายและตัวโรคจะยิ่งแย่ลงได้

การรักษา “สโตรก (Stroke)” จะขึ้นอยู่กับประเภทของ Stroke และความรุนแรงของอาการ การวินิจฉัยและการรักษาที่ดีที่สุดจะอยู่ในมือแพทย์ที่รับผิดชอบดูแลผู้ป่วย Stroke โดยตรง ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้การรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น การผ่าตัด หรือนำลิ่มเลือดที่อุดตันออกผ่านทางสายสวน (thrombectomy)

FAST คืออะไร

FAST เป็นตัวอักษรย่อที่ใช้ในการระบุอาการของ “โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)” และช่วยในการรู้เร็วถึงการเป็นโรคนี้ เพื่อทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาทันที ตัวอักษรแต่ละตัวในคำว่า FAST มีความหมายดังนี้

1. F (Face) : หมายถึง การตรวจสอบใบหน้าของผู้ป่วย ดูว่ามีส่วนใดของใบหน้าที่มีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น ข้างหนึ่งของปากหรือตาเบี้ยวหรือไม่

2. A (Arms) : หมายถึง การตรวจสอบแขนของผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยยกมือขึ้นและดูว่ามือข้างใดเบี้ยวไหม การบิดเบี้ยวของมืออาจเป็นสัญญาณของ Stroke

3. S (Speech) : หมายถึง การตรวจสอบการพูดของผู้ป่วย ถามผู้ป่วยพูดคำอะไรไม่ชัดเจนหรือไม่เข้าใจได้หรือไม่ การพูดที่ผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของ Stroke

4. T (Time) : หมายถึง การระบุเวลาที่อาการเริ่มเกิด การระบุเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการรักษา Stroke เนื่องจากการรักษาที่รวดเร็วอาจช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้ป่วย และเวลาที่เริ่มเกิดต่างกันมีผลต่อการให้การรักษาที่แตกต่างกันได้

การระบุ FAST ช่วยให้คนที่ไม่มีความรู้เฉพาะทางด้านการแพทย์หรือกายภาพธรรมชาติสามารถรู้จักอาการ “สโตรก (Stroke)” และทำให้สามารถระบุการเรียกร้องความช่วยเร็วได้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น

ทำไมถึงห้ามรักษา “สโตรก (Stroke)” ด้วยตนเอง

การรักษา Stroke ด้วยตนเองเป็นวิธีการที่ทางเราไม่แนะนำเพราะ Stroke เป็นภาวะทางการแพทย์ที่ต้องการการวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วย Stroke อย่างเฉพาะเจาะจง เหตุผลที่ห้ามรักษาด้วยตนเองยังรวมไปถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ด้วยครับ

1. ความเสี่ยงและความรุนแรง : Stroke มีหลายประเภท และอาการของแต่ละประเภทอาจแตกต่างกัน การระบุประเภทและความรุนแรงของ Stroke จำเป็นต้องใช้การวินิจฉัยทางการแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง

2. การใช้ยา : Stroke บางประเภทอาจต้องใช้ยาพิเศษเพื่อรักษา การใช้ยาที่ไม่ถูกต้องหรือในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลกระทบอันตรายต่อสุขภาพของผู้ป่วย

3. การผ่าตัด : Stroke บางประเภทอาจต้องการการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยงต่อสมองและร่างกายของผู้ป่วย การผ่าตัดนี้ต้องดำเนินการโดยแพทย์ผ่าตัดที่มีความชำนาญในการรักษา Stroke

4. การดูแลผู้ป่วย : Stroke บางครั้งสามารถทำให้ผู้ป่วยมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรง เช่น กล้ามเนื้อแขนขาบกพร่อง สามารถใช้การบำบัดกายภาพและกายภาพบำบัดเพื่อช่วยฟื้นฟู การดูแลและบำบัดนี้ต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

สรุปคือ Stroke เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องการการรักษาและดูแลโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้และความชำนาญ เราควรรีบโทรเบอร์ฉุกเฉินเมื่อสงสัยว่ามีคนเสี่ยงต่อ Stroke หรือมีคนที่เป็น Stroke และไม่ควรพยายามรักษาด้วยตนเองเพื่อรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย Stroke ครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *